BYD ผู้นำตลาดรถ EV ในประเทศไทย ประกาศยอดจองในงาน Motor Show 2024 ที่จำนวน 5,345 คัน สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 จากแบรนด์รถทั้งหมดในตลาดรถในไทย ล่าสุด BYD มีแผนอัปเดตแบตเตอรี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่าง Blade Battery ให้เป็นเจนเนอเรชันที่ 2 นอกจากความหนาแน่นของพลังงานจะเพิ่มขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้รถ EV ขับขี่ได้ไกลขึ้นด้วย
Blade Battery ในเจน 2 นี้พัฒนาโดย FinDreams ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ BYD ที่พัฒนาเกี่ยวกับแบตเตอรี่โดยเฉพาะ มีจุดเด่นคือค่าความหนาแน่นของพลังงานที่คาดว่าจะสูงกว่า 190 Wh/kg (Blade Battery เจนแรกมีความหนาแน่นพลังงานที่ 140 Wh/kg และพัฒนาเป็น 150 Wh/kg ภายหลัง ซึ่งใช้ในรถรุ่น BYD Atto 3, Dolphin และ Seal) ซึ่งการที่มีค่าวามหนาแน่นของพลังงานสูงจะทำให้ตัวแบตเตอรี่เก็บประจุได้นานขึ้น ส่งผลให้การใช้งานยาวนานขึ้นด้วย
นอกจากนี้ Blade Battery ในเจนที่ 2 จะมีขนาดเล็กลงและน้ำหนักเบาขึ้น รวมถึงประหยัดพลังงานมากขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้งานระยะ 100 กิโลเมตร ส่งผลให้ตัวรถสามารถขับขี่ได้เกิน 1,000 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน CLTC) เทียบเท่ากับแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่ทาง IM Motors หรือกึ่งโซลิดสเตตของ NIO เคยนำเสนอมาก่อน
นอกจากจุดเด่นอีกอย่างของ Blade Battery คือการทำตัวแบตให้เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต (LFP) ซึ่งมีต้นทุนถูกกว่าแบตเตอรี่นิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ (NMC) และเรียงเซลล์แบตเตอรี่ขนาดบางเหมือนใบมีดต่อกัน ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้งานกว่า 50% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ LFP ทั่วไปในตลาด
ท้ายที่สุดการพัฒนา Blade Battery เจน 2 จะทำให้ตัวรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกลงตามไปด้วย เนื่องจากชุดแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กลงและน้ำหนักเบาขึ้น รวมถึงต้นทุนถูกลงตามไปด้วย ทั้งนี้ Blade Battery เจนที่ 2 อาจจะเปิดตัวในช่วงเดือนสิงหาคม 2024 เราคงต้องมาติดตามกันต่อไปว่าแบตรุ่นใหม่นี้จะใช้ในโมเดลไหนบ้าง