Electrek เว็บไซต์นำเสนอข่าวยานยนต์ไฟฟ้ารายงาน เทสลา (Tesla) ได้ส่งอีเมลภายในบริษัทแจ้งพนักงานว่า กำลังมีแผนปลดพนักงานทั่วโลกมากกว่า 10% ซึ่งมีผลโดยตรงกับพนักงานอย่างน้อย 14,000 คน จากทั้งหมด 140,473 คน (ที่ระบุอยู่ในรายงานประจำปี 2023) เนื่องจากบริษัทต้องการเตรียมพร้อมสู่วัฏจักรการเติบโตในเฟสถัดไป หลังจากที่ยอดส่งมอบรถยนต์ของไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ลดลง 20% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2023 และลดลงเป็นปีแรกในรอบ 3 ปี ทั้งนี้ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าทีมใดถูกตัดออกไปบ้าง
อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาได้กล่าวในอีเมลว่า ไม่มีอะไรที่ฉันเกลียดไปกว่านี้แล้ว แต่ก็ต้องทำ สิ่งนี้จะช่วยให้เรามีความคล่องตัว มีนวัตกรรม และกระหายสำหรับไปสู่วัฏจักรการเติบโตในเฟสถัดไป
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดรูว์ แบกลิโน (Drew Baglino) รองประธานอาวุโสของเทสลา และก็ โรฮาน พาเทล (Rohan Patel) ผู้อำนวยการอาวุโสระดับโลกด้านนโยบายสาธารณะและการพัฒนาธุรกิจของเทสลา ดูเหมือนกำลังจะลาออกจากบริษัทตามแผนการเลิกจ้างของบริษัท เนื่องจากมีการสังเกตว่าตราสัญลักษณ์ของเทสลาได้หายไปจากโพรไฟล์บนบัญชี X ของเขาทั้งสอง (ล่าสุดทั้งสองได้โพสต์บน X ประกาศว่าได้ลาออกจากเทสลาแล้ว)
วันนี้เทสลายังมีข่าวร้ายรายงานออกมาว่าบริษัทได้พลาดจากยอดประมาณการการส่งมอบ ก่อนที่จะมีการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ในวันที่ 23 เมษายนนี้ และยังรวมถึงการชะลอตัวของยอดขายตามที่บริษัทคาดการณ์เอาไว้เมื่อเดือนมกราคม ในขณะที่บริษัทกำลังเตรียมจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นถัดไป
เทสลาก้าวสู่ปีที่ไม่ค่อยสวยงามเหมือนก่อน เริ่มตั้งแต่ต้นปีด้วยยอดส่งมอบรถยนต์รวมทั้งหมดของปี 2023 อยู่ที่ 1,808,581 คัน จึงทำให้เสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลกให้กับ BYD ที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานใหม่รวมทั้งหมดในปี 2023 จำนวน 3,024,417 คัน แม้ว่าเทสลาจะสร้างกระแสโดยประกาศแผนจะผลิตรถยนต์รุ่นราคาถูก Model 2 แต่เมื่อต้นเดือนเมษายนก็มีข่าวลือว่าเทสลาจะยกเลิกแผนผลิตรถยนต์ราคาถูก จนซีอีโอต้องออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และกลบข่าวด้วยการประกาศแผนเปิดตัวรถแท็กซี่ไร้คนขับใน 8 สิงหาคม 2024