หลังจาก Tesla อัปเกรด Model 3 ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและ Long Range ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่ารุ่น Highland ล่าสุด Tesla ก็ได้เปิดตัวรุ่น Performance ในชื่อ Ludicrous ที่ตกแต่งใหม่รอบคัน รวมถึงสมรรถนะแรงขึ้นชัดเจน ไปดูกันว่ามีจุดไหนบ้างที่เปลี่ยนไปจากเดิม
ดีไซน์ตัวรถ
Tesla Model 3 Performance ปรับดีไซน์แผงกันชนด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังและสปอยเลอร์จากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ช่วยตอบสนองต่อการขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้ดีขึ้น ซึ่งวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์จะถูกใช้ในหลายๆ จุดของตัวรถ เพื่อลดน้ำหนักลงได้ระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมาพร้อมล้อฟอร์จขนาด 20 นิ้ว สำหรับรุ่น Performance โดยเฉพาะ พร้อมด้วยยาง Piralli P Zero จานเบรกที่ใหญ่ขึ้นเพื่อช่วยตอบสนองกับรถที่สมรรถนะสูงขึ้น รวมถึงคาลิปเปอร์และผ้าเบรกคุณภาพสูง ไปจนถึงชุดแชสซีสำหรับรุ่น Performance เพื่อประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนสูงสุด

สมรรถนะ
Tesla Model 3 Performance มอเตอร์คู่เจนใหม่ (ความเสถียรของพลังงานเพิ่มขึ้น 22% กำลังมอเตอร์เพิ่มขึ้น 32% และแรงบิดมอเตอร์เพิ่มขึ้น 16%) ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุดเท่าที่ Model 3 เคยมีมาคือ 460 Ps เร่งจาก 0-100 km/hr ในเวลาเพียง 3.1 s ทำความเร็วได้สูงสุด 262 km/hr ขับขี่ไกล 528 km (มาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จ DC สูงสุด 250 kW ชาร์จเพียง 15 min ขับขี่ได้ 282 km เลยทีเดียว ทั้งนี้ Tesla ประเทศไทยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลปริมาณแบตเตอรี่และสเปกมอเตอร์ วึ่งจะแตกต่างไปตามภูมิภาค แต่ให้ประสิทธิโดยรวมเท่ากัน

นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมดสนามแข่ง (Track mode V3) ล่าสุด ที่ผู้ขับขี่เซตอัปช่วงล่าง ระบบกันสะเทือน สมดุลตัวรถ ระบบส่งกำลังมอเตอร์ แชสซี ไปจนถึงการรีเจนเบรกได้ตามต้องการ เพื่อให้คุณควบคุมรถได้ดีขึ้น เมื่อขับขี่ไม่ว่าในสนามแข่งหรือใช้งานบนท้องถนน
ห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสารของ Tesla Model 3 Performance อัปเกรดเบาะที่นั่งทรงสปอร์ตสีขาว โอบกระชับผู้ขับขี่มากขึ้น เสริมด้วยะบบทำความร้อนและและระบายอากาศเพื่อให้คุณรู้สึกสบายตลอดการขับขี่ ชุดแต่งภายในผสมผสานวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และระบบเสียงที่ออกแบบโดย Tesla กับลำโพง 17 ตัว ซับวูฟเฟอร์คู่ และเครื่องขยายเสียงคู่ ให้คุณเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีตลอดการเดินทาง

อีกจุดที่มีการปรับเปลี่ยนคือหน้าจอดิจิทัลขนาด 15.4 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ที่ใช้ควบคุมเกียร์ผ่านหน้าจอเหมือนกับ Model 3 ที่ออกมาก่อนหน้านี้ และยังมีจอขนาดเล็ก 8 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ที่สามารถควบคุมระบบปรับอากาศ การเชื่อมต่อบลูทูธ และความบันเทิงได้เช่นกัน

Tesla Model 3 Performance ราคา 2,149,000 บาท ส่วนรุ่น RWD ราคาเริ่มต้นที่ 1,599,000 บาท และรุ่น Long Range AWD ราคา 1,899,000 บาท ราคานี้ไม่รวมสีตัวถังที่เพิ่มขึ้น 50,000 – 85,000 บาท สีขาวภายใน 50,000 บาท รวมถึงระบบขับขี่อัตโนมัติ ราคา 122,000 – 244,000 บาท ด้วยนะ