วันศุกร์ที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของเทสลา (Tesla) โพสต์บน X ว่ารถยนต์ SUV ไฟฟ้า Model Y ที่ผลิตในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีระยะวิ่งที่ 260 ไมล์ (418 กิโลเมตร) ซึ่งแท้จริงมีความลับที่อยากบอกว่าสามารถปลดล็อกซอฟต์แวร์ให้ระยะวิ่งเพิ่มขึ้นได้อีก 40 – 60 ไมล์ (64 – 96 กิโลเมตร) โดยเจ้าของรถจะต้องจ่ายเงินในราคา 1,500 – 2,000 เหรียญสหรัฐฯ (55,045 – 73,378 บาท) แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเซลล์แบตเตอรี่ที่ติดตั้ง และตอนนี้กำลังเสนออนุมัติตามกฎระเบียบ
โพสต์ของมัสก์เป็นการตอบคำถามเกี่ยวกับข่าวที่รายงานว่าเว็บไซต์ของ Tesla ได้ตัดรถยนต์รุ่น Model Y Standard Range ที่มีระยะวิ่ง 260 ไมล์ออกไปแล้วแทนที่ด้วยรุ่น Model Y Long Range RWD (ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง) ที่มีระยะวิ่งเพิ่มขึ้นเป็น 320 ไมล์ (515 กิโลเมตร) ในราคาที่เพิ่มขึ้นจาก Standard Range ที่ 2,000 เหรียญ (73,378 บาท) ด้วยป้ายราคา 44,990 เหรียญ (1,651,672 บาท) และหากเจ้าของรถยนต์ได้รับสิทธิ์เครดิตภาษีของรัฐบาลกลาง 7,500 เหรียญ (275,295 บาท) ก็จะจ่ายแค่ 37,490 เหรียญ (1,376,520 บาท)
กรณีแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2016 ซึ่งเทสลาเผยว่ารถยนต์รุ่น Model S 70 ที่ระบุว่าใช้แบตเตอรี่ 70kWh สามารถปลดล็อกซอฟต์แวร์ให้ความจุเพิ่มเป็น 75kWh ได้เมื่อลูกค้ายอมจ่ายเงินมากกว่า 3,000 เหรียญ (110,182 บาท) ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้า Model S และ Model X ซึ่งมีน้ำหนักเท่ากับรุ่น Long Range ที่มีระยะวิ่งไกลกว่า อาจจะถูกล็อกระยะวิ่งเอาไว้ด้วยซอฟต์แวร์ก็เป็นได้
เทสลาไม่ใช่ผู้ผลิตรถยนต์รายเดียวที่เก็บเงินเพื่อปลดล็อกซอฟต์แวร์เพิ่มขีดความสามารถของฟีเจอร์ที่มีอยู่ เช่น Polestar เรียกเก็บ 1,200 เหรียญ (44,076 บาท) เพื่ออัปเดตออนไลน์เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Polestar 2 ในปี 2022 นอกจากนี้ Mercedes-Benz ได้เรียกเก็บเงินเพื่อปรับปรุงแรงม้าและแรงบิดของ EQE และ EQS รวมทั้ง BMW ได้จำกัดการเข้าถึงเพื่อเก็บเงินในการปลดล็อกซอฟต์แวร์ CarPlay และต่อมาก็เปิดใช้ฟีเจอร์เบาะนั่งแบบอุ่น (แต่ได้ยกเลิกแผนนี้ไปในภายหลัง)