ปัจจุบันสงครามราคาของรถ EV ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าคึกคัก แต่ก็ทำให้ผู้ผลิตต้องห้ำหั่นราคา เพื่อหวังจะมัดใจผู้ขับขี่ได้มากขึ้น ตั้งแต่การลดต้นทุนการผลิต ราคารถที่เปิดตัวใหม่ ไปจนถึงบริการหลังการขาย โดยเฉพาะค่าซ่อมบำรุงระยะยาวอาจเป็นตัวแปรที่หลายคนลืมให้ความสำคัญ และมีราคาที่ต้องจ่ายมากกว่าที่คิด
แบบสำรวจจาก consumerreports ออกมาเปิดเผยตัวเลขค่าซ่อมบำรุงและซ่อมแซมเฉลี่ยของรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ในปี 2023 ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ครอบคลุมการเปลี่ยนถ่ายของเหลวอย่างน้ำมันเครื่อง ค่าเปลี่ยนยาง การซ่อมแซมยิบย่อยตลอดทั้งปี โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากอุบัติเหตุและการเฉี่ยวชนกัน
จากตัวเลขข้างต้นพบว่า ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงช่วง 1-5 ปีแรกจะมีตัวเลขที่ไม่มาก เนื่องจากหลายค่ายให้ออปชันการบริการหลังขายแบบฟรี ๆ รวมถึงช่วงแรกยังไม่ค่อยพบเจอปัญหาจากตัวรถมากนัก แต่ในช่วง 5 ปีหลัง ค่าใช้จ่ายในส่วนการซ่อมบำรุงมีอัตราสูงขึ้นอย่างชัดเจน 4-5 เท่าตัว อีกทั้งยังสะท้อนต้นทุนของรถแบรนด์พรีเมียมที่มักจะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษามากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น Audi, BMW, Mercedes-Benz หรือ Porsche
ตัวเลขในการบำรุงรักษารถญี่ปุ่น อาทิ Honda, Nissan, Mazda จะเห็นว่ามีค่าใช้จ่ายประมาณ 4,000 เหรียญ (ประมาณ 140,000 บาท) ในช่วง 6-10 ปี หรือพูดง่าย ๆ ว่าตกประมาณปีละ 28,000-30,000 บาทเท่านั้น ส่วนรถที่มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อยที่สุดตลอด 10 ปี ตกเป็นของ Tesla ที่เป็นรถ EV และมีเทคโนโลยีในการประกอบรถไม่ซ้ำซ้อน โดยมีต้นทุนในการบำรุงรักษาต่ำกว่ารถแบรนด์ยุโรป 3-5 เท่าเลยทีเดียว
ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงค่าเฉลี่ยโดยรวม ซึ่งอาจจะมากขึ้นหรือน้อยลงได้ในบางกรณี แต่การที่เราเห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตัวรถ ทำให้สามารถวางแผยการใช้งานและจัดสรรงบประมาณเพื่อมาดูแลยานพาหนะของตัวเองได้เต็มที่ ไปจนถึงช่วยตัดสินใจเมื่อต้องการซื้อรถครั้งต่อไปได้ด้วย