เคล็ดลับนี้ได้ถูกเผยแพร่อยู่ในฟอรัมผู้ใช้รถยนต์ Tesla และชุมชนออนไลน์มา 2 – 3 ปีแล้ว แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนเรื่องนี้จึงได้รับความสนใจอีกครั้ง ซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้มั่ว เนื่องจากแผงชาร์จ Supercharger V2 รุ่นเก่าจะไม่มีสายเคเบิลระบายความร้อน ซึ่งเมื่อแสงแดดในช่วงฤดูร้อนที่ส่องมาถึงด้ามจับ (สำหรับเสียบชาร์จเข้ากับตัวรถ) มีอุณหภูมิที่สูงขึ้น จนทำให้เซนเซอร์ส่งสัญญาณไปบอกให้เครื่องชาร์จลดความเร็วในการชาร์จลง เพื่อรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ดังนั้นเมื่อนำผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มาวางบนด้ามจับ ก็จะช่วยบังแสงแดดและลดอุณหภูมิให้ต่ำลง และมีผลทำให้อัตราการชาร์จสูงขึ้นหรือชาร์จได้เร็วขึ้นนั่นเอง
เจ้าของรถยนต์ Tesla รายหนึ่งเผยว่าได้ใช้เทคนิคนี้ในช่วงวันอากาศร้อนกับ Supercharger V2 ซึ่งสามารถเพิ่มอัตราชาร์จจาก 60 กิโลวัตต์ เป็น 95 กิโลวัตต์ นอกจากนี้ยังมีเจ้าของรถยนต์หลายคนที่อยู่ในชุมชนออนไลน์ Out of Spec Studios ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างนี้เช่นกัน
ข้อมูลเผยว่าเจ้าของรถเหล่านี้ได้เสียบขั้วชาร์จที่สถานะการชาร์จอยู่ที่ 2% และ Supercharger ก็ได้เพิ่มอัตราชาร์จเป็น 147 กิโลวัตต์ แต่ต่อมาเมื่อเกิดความร้อนก็ส่งผลให้อัตราชาร์จลดลงเหลือ 58 กิโลวัตต์ ที่สถานะการชาร์จ 34% จากนั้นเมื่อนำผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มาวางบนที่จับขั้วชาร์จก็ส่งผลให้อัตราชาร์จเพิ่มกลับมาได้ถึง 119 กิโลวัตต์
เคล็ดลับนี้ไม่มีผลสำหรับแผงชาร์จ Supercharger V3 รุ่นใหม่ กับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla เกือบทั้งหมด ยกเว้นรถกระบะไฟฟ้า Cybertruck ที่ติดตั้งแพ็กแบตเตอรี่ 800V (ส่วนรุ่นอื่น 400V) แต่สถานี Supercharger ทุกแห่งในสหรัฐฯ ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าที่ 800 โวลต์ได้
Tesla Cybertruck ภายในจะมีแพ็กแบตเตอรี่ 400 โวลต์ 2 ลูกต่อเชื่อมกันเป็น 800 โวลต์ แต่ตอนชาร์จจะมีสวิตช์เชื่อมให้แบตเตอรี่ 2 ลูกต่อขนานกันเป็น 400 โวลต์เพื่อให้รองรับกับ Superchargers ซึ่งกระแสไฟฟ้าในการชาร์จได้เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 700 แอมป์ จึงส่งผลให้ด้ามจับขั้วชาร์จร้อน ทั้งที่มีการระบายความร้อนแต่ก็เอาไม่อยู่ และการใช้ผ้าเปียกสามารถช่วยสำหรับการชาร์จ Cybertruck ได้
นอกจากนี้ Branden Flasch ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ามาอย่างยาวนานโพสต์บน X ว่าเขาสังเกตว่าเคล็ดลับเหล่านี้สามารถปรับปรุงกราฟการชาร์จเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสำหรับ Tesla Model S ที่ชาร์จด้วย Supercharger V3 และเชื่อว่าอาจจะมีประโยชน์กับเจ้าของรถคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เคล็ดลับนี้ไม่ว่าจะใช้กับ Supercharger รุ่นใดก็ตาม จะช่วยให้การชาร์จเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อสถานะการชาร์จเข้าใกล้ 100% อัตราการชาร์จก็จะลดลงมาอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร แต่อย่าลืมว่าเทคนิคเหล่านี้ไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัท ดังนั้นเจ้าของรถยนต์ต้องรับกับความเสี่ยงเอาเอง แต่มีบางคนบอกว่า Superchargers สามารถชาร์จขณะฝนตกได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นแค่ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ไม่น่าจะเกิดอันตรายได้
สุดท้ายขอแนะนำว่าเพื่อความปลอดภัย ควรรอให้สถานะการชาร์จบนหน้าจอรถยนต์หรือแอปฯ สมาร์ตโฟนจบการทำงานลงก่อน แล้วค่อยดึงที่จับขัั้วชาร์จออกจากรถยนต์