Hyundai หรือยอนเดในภาษาเกาหลี เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 50 ปี (ปี 2025 ครบรอบ 50 ปี) บริษัทใหญ่ของ Hyundai Motor Group ที่ประกอบด้วย Hyundai, KIA และ Genesis เป็นบริษัทที่มียอดขายรวมทั้งปีเป็นอันดับ 5 ของโลก และมีสาขากว่า 200 แห่งทั่วโลกเลยทีเดียว

หลายคนอาจคุ้นเคยกับรถ Hyundai และ KIA บนท้องถนนที่ไทย แต่ในเวทีสนามแข่งนั้นเขาโดดเด่นด้วยอีกนามของ N Brand ที่ผสมผสานระหว่างจินตนาการและความกล้า สร้างสรรค์รถแข่งสมรรถนะสูง ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน

รถตระกูล N ของ Hyundai เปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 โดยชื่อ N ย่อมาจากชื่อเมือง Namyang ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ R&D ของ Hyundai นั่นเอง (ซึ่งเรามีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมโรงงาน แต่ดันห้ามถ่ายรูปภายใน ไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังภายหลังนะครับ) อีกทั้งยังพ้องกับคำว่า Nurburgring ที่เป็นที่ตั้งศูนย์ Technical Center ของ Hyundai ประจำฝั่งยุโรปด้วย

Hyundai i20 N ปี 2014

อย่างที่เกริ่นไปว่า N Brand เติบโตมาจากจินตนาการและความกล้าของผู้ก่อตั้งอย่าง JooN Park เขาเป็นคนเกาหลีที่มีพลังงานเหลือล้น พร้อมชักชวนให้นักขับทุกคนเปิดใจให้กับตระกูล N จนได้ คุณ Park เล่าถึงปรัชญาการสร้างรถตระกูล N ว่าต้องเป็นรถที่เข้าโค้งได้อย่างดีเยี่ยม เพราะรถเร็วทางตรงใคร ๆ ก็ทำได้ แต่เวลาเข้าโค้งความเร็วต้องทำได้ดีด้วย และยังต้องมีสมรรถนะเหมือนรถแข่ง โดยที่ไม่ต้องปรับแต่งอะไรเลย สามารถขับลงสนามแล้วอัดโค้งได้ดีไม่แพ้รถแต่ง สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง

Hyundai i30 N Nurburgring 24h ปี 2017

ปรัชญาทั้ง 3 ข้อนี้สะท้อนผ่านการผลิตรถของ Hyundai N ทุกรุ่น โดยรถตระกูล N รุ่นแรกคือ Hyundai i20 N เป็นรถที่ทำออกมาแข่งขันในรายการ WRC รวมถึง Hyundai i30 N ที่สามารถลงแข่งขันในรายการ 24 ชั่วโมงที่สนาม Nurburgring ได้สำเร็จ ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา N Brand มีผลงานการันตีอย่างแชมป์รายการ WRC ปี 2019-2020 และแชมป์รายการ WTCR ต่อเนื่องตั้งแต่ 2018, 2019, 2022 และ 2023

Hyundai IONIQ 5 N และ Elantra N

ปี 2023 ได้เปิดตัว Elantra N ซึ่งเป็นรถสปอร์ตที่มีช่วงล่างและบาลานซ์ดีมาก ๆ รุ่นหนึ่ง เราได้ลองขับขี่ที่เกาหลีใต้มา ทั้งการขับขี่ใช้งานทั่วไป รวมถึงสมรรถนะในสนามแข่งที่เอาอยู่จนแอบหลงรักเป็นพิเศษเลย และเป็นครั้งแรกที่ N Brand เปิดตัวรถ EV รุ่นแรก นั่นคือ IONIQ 5 N มาพร้อมกำลังสูงสุด 650 Ps แรงบิด 770 Nm อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 3.4 s ทำความเร็วได้สูงสุด 260 km/h High Performance EV มาพร้อมแบตเตอรี่ 84 kWh ขับขี่ได้ 448 km (มาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จ DC 350 kW รองรับ V2L

รถ Hyundai IONIQ 5 N หลายคนอาจได้เห็นคันจริงไปแล้วในงาน Motor Show 2024 รอบนี้เราได้มาทดสอบประสิทธิภาพของรถ EV ที่ทำให้คนรักเครื่องยนต์อย่าง JooN Park เปิดใจให้กับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ N Brand ด้วยฟีเจอร์ที่อัดแน่นมาในรถจนทำให้หลงลืมไปว่ารถคันที่ขับอยู่ใช่รถ EV จริงหรือ

Hyundai IONIQ 5 N ใช้ตัวถังเดียวกับ Hyundai IONIQ 5 ตัวที่ขายในประเทศไทย ซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก Pony Coupe คูเป้คอนเซปต์ 45 ปี บนแพลตฟอร์ม E-GMP สำหรับรถ EV ที่มีฐานล้อยาวถึง 3,000 มม. คุณ Park บอกจุดเด่นของ E-GMP คือสามารถปรับเปลี่ยน จัดวางแบตเตอรี่ได้ตามความต้องการ และฐานล้อ 3,000 มม.นี้จะเป็นขนาดที่ยาวที่สุดของรถตระกูล N หมายความว่า IONIQ 5 จะเป็นรถที่ใหญ่ที่สุดแล้ว หลังจากนี้ก็จะมีรถ N ไซส์เล็กลงมา ภายในอัปเกรดให้สมกับความเป็นตระกูล N มากขึ้น ทั้งเบาะบักเก็ตซีตทรงสปอร์ตติดโลโก้ N รวมถึงพวงมาลัย N

จุดเด่นอื่น ๆ ของ Hyundai IONIQ 5 N คือการเข้าโค้ง 4 ล้อ AWD มาพร้อมแรงบิดด้วย N Torque Distribution, N Pedal ที่ควบคุมด้วยแป้นคันเร่งเดียว ใช้ทั้งเร่งทั้งเบรกได้เลย ฟีเจอร์ N Drift Optimizer ที่ให้รถ EV ก็ดริฟต์ได้ง่าย ๆ (แต่ทำจริงไม่ง่ายเลย) นอกจากนี้ยังมีระบบเตรียมแบตฯ ให้พร้อมสำหรับแข่ง drag mode ทางตรง

ภายในของ Hyundai IONIQ 5 N

แต่จุดที่ทำให้คุณ Park เปิดใจให้กับรถ EV คือฟีเจอร์ N e-shift ระบบเปลี่ยนเกียร์เสมือนจริง ที่ควบคุมความเร็วในแต่ละรอบเกียร์เสมือนรถที่ต้องเปลี่ยนเกียร์แท้ ๆ เมื่อชิฟต์เกียร์ก็มีอาการกระตุกไม่แพ้กัน แถมยังจำลองเสียงด้วย N Active Sound Plus ให้ฟีลเหมือนรถแข่ง เลือกได้หลายรูปแบบ มีเสียงรอบเครื่องยนต์และเสียงท่อจำลองด้วย แถมมีกิมมิกปุ่มสีส้ม NGB หรือ N Grin Boost ไว้เพิ่มกำลังสูงสุด 650 Ps ได้ประมาณ 10 s ส่วนในชีวิตประจำวันก็สามารถเลือกขับขี่ทั้งโหมด Eco, Normal และ Sport หรือจะใช้โหมด N ในยามที่ต้องลงสนามแข่ง ที่ยังคงได้สมรรถนะสูงเช่นเดิม

ดิสก์เบรกของ Hyundai Elantra N

ก่อนหน้านี้ทาง Hyundai ประเทศไทยได้นำ Elantra N เข้ามาทำตลาดในไทยด้วยราคา 2,999,000 บาท (นำเข้า CBU) ล่าสุดเตรียมนำ IONIQ 5 N เข้ามาทำตลาดในไทยด้วย ซึ่งที่เกาหลีใต้มีราคาเริ่มต้นอยู่ประมาณ 2.1 ล้านบาท รอลุ้นกันว่าเข้าไทยแล้วจะเปิดตัวด้วยราคาเท่าไหร่ (ภาษีนำเข้ารถ EV ของไทยจากเกาหลีใต้อยู่ที่ประมาณ 40%) แถมมีข่าวแว่ว ๆ ว่า N รุ่นต่อไปที่ทางทีมกำลังพัฒนาคือ IONIQ 6 N ที่เป็นรถซีดานอีกด้วย ใครที่เป็นแฟน ๆ ตระกูล N รอติดตามกันได้เลย