BT เคยลงรายละเอียดของ Lamborghini Urus SE (อ่านว่า เอสเอ ตามภาษาอิตาเลียน) รถเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริด PHEV เมื่อตอนเปิดตัวใหม่กันไปแล้ว รอบนี้เราได้มีโอกาสสัมผัสรถคันจริงใกล้ชิดมากขึ้น ได้รู้รายละเอียดดีเทลต่าง ๆ ของตัวรถ ทำความคุ้นเคยมากขึ้น แถมยังได้รู้ว่าแม้เจ้า Urus SE จะเปิดตัวมาในราคาเริ่มต้น 24,980,000 บาท (รวม VAT) แต่บอกเลยว่ารถคันในภาพนี้ผ่านการอัปเกรดชุดแต่งมาแล้วทั้งคัน รวมมูลค่าของแต่งเพียว ๆ ปาเข้าไป 10 ล้านบาทแล้วนะ

Lamborghini Urus เป็นรถเอสยูวีรุ่นแรกของค่ายกระทิงดุ และเป็นรถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นที่ 2 ต่อจาก Lamborghini Revuelto ที่เปิดตัวในโอกาสครบรอบ 60 ปีของ Automobili Lamborghini เมื่อกลางปี 2023 มาปีนี้ลัมโบร์กินีสานต่อขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดที่ช่วยลดการปล่อยไอเสียสู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึง 80% ด้วยรถตระกูลเอสยูวี Urus SE ที่มีผลตอบรับดีอย่างมากในรุ่นก่อนหน้า เห็นได้ชัดจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิงหันมาเป็นสมาชิกบ้านกระทิงดุกันมากขึ้น

สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงคือเรื่องการคัสตอมหรือ Ad Personam ที่ลูกค้าสามารถเลือกสีตกแต่งได้มากกว่า 100 เฉด รวมถึงออปชันภายในกว่า 47 รูปแบบ การเย็บตะเข็บ วัสดุหนัง วัสดุคาร์บอน ชุดแม็กซ์ หลังคาพาโนรามิก เรียกได้ว่าช่วยให้ลูกค้าสร้างสรรค์รถของตัวเองได้โดยที่ไม่มีใครเหมือน แต่รถคันนี้มาพร้อมสีเปิดตัวพิเศษที่มีเฉพาะในตระกูล Urus เท่านั้นคือสีส้ม Arancio Egon พิเศษตรงที่ แค่ค่าสีตัวถังก็มีราคามากกว่า 2 ล้านบาทแล้ว

ถัดมาจากการตกแต่งขอพูดถึงดีไซน์ที่ต้องบอกว่า Lamborghini Urus SE ลบภาพความเหลี่ยมคมใน Urus เดิมลงไปมาก เหมือนจะเตือนให้ลูกค้าของ Lamborghini รู้ว่านี่จะเป็นทิศทางของรถค่ายกระทิงดุ ที่จะหันไปสู่พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นยังไงยังงั้น เราจึงเห็นเส้นสายที่หายไป แต่ได้ความโค้งมนเข้ามาแทนที่ รวมถึงหลักอากาศพลศาสตร์ที่ถูกนำมาใช้ในรถคันนี้มากขึ้น เพราะรถได้มอเตอร์มาเสริมแรงมากขึ้น ตัวถังก็ต้องลู่ลมได้ดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งดีไซน์หลาย ๆ ส่วนถูกนำมาใช้จากรุ่น Revuelto นั่นเอง

ภายในห้องโดยสารยังยึดดีไซน์คล้ายห้องขับเคลื่อนของนักบินอยู่ แต่ก็มีการลดดีไซน์ต่าง ๆ ออกไปบ้าง รวมถึงการเสริมชุดแต่งคาร์บอนในส่วนต่าง ๆ ที่ราคาก็ไม่เบาเกือบ 1 ล้านบาทได้ ไปจนถึงดีไซน์ตะเข็บสีส้มที่ล้อไปกับสีตัวรถ ช่วยขับให้เด่นขึ้นมาด้วย รถคันนี้ยังใส่ออปชันเครื่องเสียงสูงสุดที่ออกแบบโดย Bang & Olufsen อีกเกือบ 1 ล้านบาท พร้อมด้วยหลังคากระจกพาโนรามิกใส อีกกว่า 1.2 ล้านบาท

แน่นอนว่ารถปลั๊กอินไฮบริดย่อมมาพร้อมกับแบตเตอรี่ Lamborghini Urus SE ให้แบตฯ ขนาด 25.9 kWh ขับขี่ในโหมด EV ได้ไกล 60 km แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำความเร็วสูงสุดที่ 130 km/h เมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้นเครื่องยนต์จะสตาร์ตมาช่วยเสริมกำลัง ซึ่งยังมาพร้อมระบบเวคเตอร์แรงบิดไฟฟ้าตามแนวยาวของตัวรถ ช่วยสร้างแรงบิดแปรผันระหว่างเพลาหน้าหลัง ทำให้กระจายแรงบิดเมื่อเหยียบเบรก และคุมการ oversteer ของตัวรถได้ดีขึ้น โดยยังไม่ทิ้งกลิ่นอายของรถสปอร์ตสมรรถนะสูง แม้จะขับขี่ในโหมดไฟฟ้าก็ตามที

ตัวรถจะแถมสายชาร์จมาให้เป็นสายสำหรับต่อเข้ากับ Wallbox (ตัวรถไม่ได้แถม Wallbox ให้) ที่มีหัวเป็น Type 2 รองรับการชาร์จที่ 7.2 kW 32A น่าจะใช้เวลาชาร์จประมาณ 3 ชั่วโมงก็น่าจะเต็ม นอกจากนี้ยังมีหัวแปลงสำหรับชาร์จไฟบ้านแถมมาอีกสายด้วย ทั้งนี้ช่องเสียบชาร์จของ Lamborghini Urus SE จะอยู่ทางด้านซ้ายของตัวรถ (ด้านขวาเป็นช่องเติมน้ำมัน)

อย่างที่บอกไปว่า Lamborghini Urus SE เปิดตัวราคาเริ่มต้น 24,980,000 บาท (รวม VAT) ซึ่งรถคันนี้ตกแต่งไปทั้งคันเป็นมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาทเลยทีเดียว ราคาจบจริงอยู่ที่ประมาณ 35 ล้านบาท เปิดจองแล้ววันนี้ เลือกของแต่ง Ad Personam กันได้ตามใจเลย แต่กว่าจะได้รถอีกทีเขาว่าประมาณ Q3 ของปี 2025

ส่วน Lamborghini Lanzador ที่เป็นรถเอสยูวีไฟฟ้า 100% คอนเซปต์ แม้จะมีภาพต้นแบบออกมา แต่เขาว่าน่าจะใช้เวลาพัฒนาอีกประมาณ 2-3 ปี กว่าจะได้ผลิตขายจริง ใครที่เป็นแฟน Lamborghini และอยากได้รถพลังงานสะอาดมาใช้ด้วย ก็คงรอติดตามกันต่อไปนะ