หลายคนเห็นข่าว Subaru บริษัทรถสัญชาติญี่ปุ่น จะหยุดการผลิตรถในไทยในสิ้นปี 2024 ทำให้อาจตกใจไปว่า Subaru จะใกล้เจ๊ง หรือจะเป็นอีหรอบเดียวกันกับเคสของ Suzuki ก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ต้องบอกว่า Subaru ยังไม่เจ๊งนะครับ แต่จะหยุดการผลิตรถในไทยจริง ๆ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2024 ด้วยเหตุผลอะไรนั้นเราไปตามกันต่อเลย
ก่อนอื่นไปดูยอดขายรถ Subaru ที่ผ่านมากันก่อน ในช่วง 10 ปีล่าสุด (2014 – 2024) Subaru ขายรถในไทยไปได้ประมาณ 25,000 คัน และมียอดสะสมรวมตั้งแต่ปี 2011 ที่เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทยมียอดทั้งหมดเพียง 28,023 คัน (อ้างอิงตัวเลขจากกรมการขนส่งทางบก) ซึ่งต้องยอมรับว่าตัวเลขนี้ไม่ได้เยอะเลย เมื่อเทียบกับกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายกันปีละเป็นหมื่นคัน อย่าง BYD Atto 3 ประเดิมยอดขายปีแรกไปที่ 19,214 คันเลยทีเดียว นั่นจึงเป็นเหตุผลแรกในเรื่องของตัวเลขยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้า และลดลงอย่างมีนัยสำคัญทุกปี
เรื่องต่อมาคือโรงงานประกอบรถยนต์ Subaru ในไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2019 โดยกลุ่ม Tan Chong International (TCIL) เป็นผู้ได้รับสิทธิตัวแทนจำหน่าย ก่อนที่จะเปิดตัวโรงงานบริษัท ตันจง ซูบารุ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย จำกัด หรือ TCSAT ในเวลาต่อมา ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ด้วยเงินลงทุน 5,000 ล้านบาท มีกำลังผลิต 100,000 คันต่อปี แต่สวนทางกับยอดขายสูงสุดต่อปีที่ทำได้ (สูงสุด 3,952 คันในปี 2019) รวมถึงการที่ Subaru ในไทยยังไม่มีตัวเลือกที่เป็นรถพลังงานทางเลือกให้แก่ผู้ใช้ จึงยิ่งทำให้ยอดขายลดลงอย่างมากในช่วง 2-3 ปีหลัง
ล่าสุดทางโรงงาน TCSAT ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด พร้อมทั้งการจ่ายชดเชยพนักงานตามกฎหมายแรงงาน และยุติการประกอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2024 อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่โรงงานแรกของ Subaru ที่ปิดตัวไป ก่อนหน้านี้ได้มีการปิดโรงงานที่ประเทศมาเลเซียมาแล้ว
ทั้งนี้ Subaru ยังคงให้บริการหลังการขายอยู่ โดยหันไปโฟกัสที่การดูแลกลุ่มลูกค้าของตัวเองแทน และยังคงขายรถ Subaru ให้แก่คนที่รักในแบรนด์ ชื่นชอบในสมรรถนะของตัวรถ และมั่นใจในช่วงล่างและความปลอดภัยจาก Subaru ด้วยวิธีการนำเข้าจากโรงงานที่ประเทศญี่ปุ่นแทน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟน ๆ ของ Subaru ต้องทำใจในเรื่องราคาที่จะต้องสูงขึ้น ด้วยภาษีนำเข้าแบบเน้น ๆ นั่นเอง เอาใจช่วยให้ Subaru ผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้เช่นกันครับ