Polestar แบรนด์รถสัญชาติสวีเดน ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ Volvo และมีฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศจีน (รวมถึงอเมริกาและเกาหลีใต้) ภายใต้การดำเนินงานของ Geely Holding ซึ่งเป็นเจ้าของ Volvo อีกทีหนึ่ง งงไหมล่ะครับ เอาเป็นว่า Polestar ก็มีสถานะไม่ต่างอะไรจาก Volvo ที่มีเจ้าของเป็นบริษัทจีนนั่นเอง แต่ตัวรถยังคงคาแรกเตอร์แบบสวีดิชได้ชัดเจน จึงเน้นทำตลาดในยุโรปและอเมริกาเสียส่วนใหญ่ ทว่าความร้อนแรงของตลาดรถ EV ในโซนเอเชีย ทำให้ Polestar จำเป็นต้องขยับตัวตาม
Polestar เปิดกลยุทธ์การตลาดในปี 2025 ว่าต้องการกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ จึงจะเริ่มเข้าไปทำการตลาดในพื้นที่ใหม่ 7 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ ฝรั่งเศส, สาธารณรัฐเช็ก, สโลวาเกีย, ฮังการี, โปแลนด์, บราซิล รวมถึงไทยด้วย เหตุที่ต้องรุกตลาดใหม่เป็นเพราะยอดส่งมอบรถ Polestar ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 ลดลงกว่า 40% ทำให้มองว่าการเปิดตลาดใหม่อาจช่วยกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้น รวมถึงได้ตัวเลือกซัปพลายเออร์มากขึ้นด้วย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความต้องการรถ EV สะดุดไปเล็กน้อยตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา รวมถึงตลาดรถ EV ไทย ก็มีสะดุดไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่จะค่อย ๆ ฟื้นกลับมา แต่ยังไม่เท่าเดิมนัก ยอดจองรถ EV ในไทยจากอยู่ที่เดือนละหลักหมื่นคัน ก็ตกลงมาอยู่ระดับประมาณ 5,000 คัน ขณะที่ Polestar เองก็ได้มีเลื่อนการประกาศผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวเลขจริงได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้
ทั้งนี้ Polestar ตั้งเป้ายอดส่งมอบรถในรุ่น Polestar 3 SUV และ Polestar 4 ประมาณ 155,000-165,000 คัน ภายในปี 2025 ซึ่งถือว่าสูงขึ้นกว่ายอดเดิมในปี 2023 ที่ 54,600 คัน เกือบ 3 เท่าตัว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกจะยังปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงความกังวลในการใช้งานรถ EV ยังมีอยู่
แต่ก็มีสัญญาณดีของหุ้น Polestar (PSNY) ในตลาดหุ้น Nasdaq ของอเมริกา หลังจากร่วงหนักในเดือนพฤษภาคมกว่า 70% จากประมาณ 1.37 เหลือ 0.69 เหรียญ และมีท่าทีขยับขึ้นทีละน้อย เราต้องมาลุ้นกันอีกทีว่า Polestar จะเข้ามาทำตลาดไทยในรูปแบบไหน และคงไม่ใช่งานง่ายนักสำหรับเจ้าใหม่ที่ปราบเซียนมานักต่อนักแล้ว