ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมรถ EV ของประเทศจีนถือเป็นผู้ขับเคลื่อนเทคโนโลยีพลังงานสะอาดอย่างแท้จริง ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เราเคยเขียนถึงก้าวย่างที่สำคัญของรถ EV จีนไปแล้ว แต่รอบนี้เราจะพาไปสำรวจตลาดอุตสาหกรรม EV ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จีนทุ่มเงินไปเท่าไหร่กว่าจะมีวันนี้ได้
มีตัวเลขเผยออกมาว่าจีนใช้เงินกับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 230,800 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 8.5 ล้านล้านบาทในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายรถ EV กินส่วนแบ่งในตลาดรถจีนมากกว่า 18.8% ตั้งแต่ช่วง 2009 – 2023 ก่อนที่ยอดขาย EV จะปรับตัวลดลงกว่า 40% ในช่วง 5-6 ปี หลังจากเกิดสงครามราคา ที่ทุกแบรนด์ปรับลดราคากันอย่างหนักหน่วง ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดรถ EV ปรับลงมาเหลือเพียง 11% ในปี 2023
แม้ว่านักวิเคราะห์จะออกมาให้ความเห็นว่า จีนในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่มีความก้าวหน้าอย่างมาก แต่สงครามราคารถ EV ที่เกิดขึ้น ทำให้จีนเผชิญหน้ากับยอดขายที่ลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากหลายค่ายต่างแข่งขันกันลดราคาอย่างรุนแรง บริษัทสตาร์ตอัปรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนหลายรายก็ยังขาดทุนอยู่ และหากยังเป็นเช่นนี้อยู่อาจทำให้ผู้เล่นลดลงเหลือ 20 – 30 เจ้าเท่านั้น (กล่าวโดยผู้บริหารของ NIO)
การเติบของรถ EV จีนทำให้คู่แข่งใหญ่อย่างอเมริกาต้องหาตอบโต้ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การปรับเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจีนเป็น 100% รวมถึงภาครัฐเริ่มอัดเม็ดเงินลงทุนเข้าไปมากขึ้นกว่า 370,000 ล้านเหรียญ ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา เพื่อยกระดับธุรกิจและเทคโนโลยีเกี่ยวกับพลังงานสะอาดทั้งประเทศ เช่นเดียวกับตลาดยุโรปเองก็เตรียมปรับภาษีนำเข้ารถ EV จีนภายในปี 2024 เนื่องจากสงครามราคาทำให้รถ EV จีนขายรถได้ถูกกว่าคู่แข่งและยังถูกลงเรื่อย ๆ
กลยุทธ์การสนับสนุนจากภาครัฐมีส่วนสำคัญที่ทำให้รถ EV ขายดีขึ้น อย่างไทยเองก็มีมาตราการ EV 3.0 และ 3.5 ที่สนับสนุนทั้งด้านภาษีนำเข้า รวมถึงเงินสนับสนุนสูงสุด 150,000 บาทต่อคัน เห็นได้จากพอถึงช่วงที่มาตราการ EV 3.0 กำลังจะหมดลงในเดือนมกราคม กลับมียอดจดทะเบียนรถ EV สูงถึง 13,653 คันเลยทีเดียว
ไม่ได้มีแค่ประเทศไทยเท่านั้นที่ให้เงินสนับสนุนรถ EV อเมริกาเองก็มีมาตราการสนับสนุนด้วยเงินอุดหนุนกว่า 7,500 เหรียญ (ประมาณ 275,000 บาท) สำหรับการซื้อรถ EV ที่มีคุณสมบัติตามกำหนด เช่นเดียวกับประเทศจีนที่มีการอุดหนุนเงินสูงสุด 13,860 เหรียญ (ประมาณ 500,000 บาท) ในปี 2018 ก่อนที่จะปรับลดลงเหลือ 4,600 เหรียญ (ประมาณ 170,000 บาท) ในปี 2023 หลังจากที่เทคโนโลยีรถ EV เบ่งบานขั้นสุดแล้วนั่นเอง เราต้องมาจับตาสงครามราคารถ EV จีน (รวมถึงในไทย) กันต่อไปว่าจะจบลงเช่นไร ซื้อตอนไหนจะคุ้มค่าที่สุด