ใครที่ได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Marvel อย่าง Deadpool & Wolverine แล้วคงได้เห็นช็อตเปิดหนังที่มีการไทอินสุดพิสดาร ด้วยการพูดถึงสปอนเซอร์ตัวเองอย่าง Honda ในการวิจารณ์รถแบรนด์ตัวเองอย่างหนักหน่วง (Honda เขายอมจ่ายได้ยังไงเนี่ย) พร้อมด้วยชอตบู๊สุดแหวกแนวภายในรถมินิแวนของ Honda Odyssey เจเนอเรชัน 5 ที่แม้ตัวละครในหนังจะด่าสาดเสีย แต่ภาพที่ออกมากลับแข็งแกร่งระดับที่ซูเปอร์ฮีโรมาตีกันในรถก็ยังวิ่งต่อได้ เหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น และนี่คือเรื่องราวของ Honda Odyssey ที่มีประวัติศาสตร์ผ่านมากว่า 30 ปี และมีราคาขายระดับ 2 – 3 ล้านบาท
Honda Odyssey เป็นรถมินิแวนขนาดใหญ่ พร้อมออปชันระดับพรีเมียม รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 8 ที่นั่ง บรรทุกสัมภาระได้มากมาย และเป็นหนึ่งในรุ่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 30 ปี มีรุ่นอัปเดต 5 เจเนอเรชัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 1994 ก่อนที่จะย้ายฐานการผลิตไปยังโรงงานในอเมริกาเหนือ
Honda Odyssey Gen 1 (1994 – 1998)
Honda Odyssey เป็นมินิแวนรุ่นแรกของ Honda ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มเดียวกับ Honda Accord ซึ่งเป็นรถซีดานขนาดใหญ่ของแบรนด์ มีการใช้ออปชันหลาย ๆ อย่างจากรุ่น Accord มาปรับในรุ่น Odyssey เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในกลุ่มครอบครัวหรือผู้โดยสารเป็นกลุ่ม พร้อมด้วยออปชันพรีเมียมและให้ความสะดวกสบายที่สุดรุ่นหนึ่งในยุคนั้น มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยคือ LX และ EX ในช่วงหลังได้มีการย้ายฐานการผลิตไปยังอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นโรงงานใหม่ของ Honda อีกแห่ง
แม้ว่าช่วงเปิดตัวของ Honda Odyssey จะไม่ปังมาก เพราะเป็นรถตระกูลใหม่ของ Honda ที่คนอาจยังไม่คุ้นชินกับรถทรงมินิแวนเท่าไหร่นัก แต่พอเวลาผ่านไปก็มียอดขายสะสมรวมถึง 300,000 คันภายในเวลาประมาณ 3 ปี ซึ่งทำยอดขายได้ไวกว่า Honda Civic ในช่วงเวลานั้นอีก ทั้งนี้ Honda Odyssey เจนแรกยังมีข้อด้อยในเรื่องขนาดตัวถังและห้องโดยสารที่ยังถือว่าเล็กกว่าคู่แข่งในตลาดรถที่อเมริกา
Honda Odyssey Gen 2 (1999 – 2004)
Honda Odyssey เจเนอเรชันที่สองจึงได้มีการปรับแก้จุดด้อยในเจนแรกด้วยการขยายตัวรถให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น พร้อมอัปเกรดเครื่องใหม่เป็น V6 พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด รวมถึงมีระบบนำทางเข้ามาใช้ในรุ่นนี้เป็นครั้งแรกในปี 1999 และมีตัวเลือกในรุ่นประตูบานเลื่อนไฟฟ้า รวมถึงระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมเข้ามาในปี 2002 เช่น ระบบควบคุมการลื่นไถล (Traction control) และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock brakes)
หลังจาก Honda Odyssey ย้ายฐานการผลิตไปยังอเมริกาเหนือ และมีการนำเข้ามาขายในประเทศญี่ปุ่นในชื่อ Honda Lagreat ในปี 1999 แต่ความนิยมกลับสวนทางตลาดอเมริกาที่มียอดขายระดับ 126,000 – 154,000 คัน ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นกลับขายได้เพียง 3 ปี Honda Odyssey จำเป็นต้องถอนตัวออกจากตลาดรถในบ้านตัวเอง เพราะขนาดรถที่ไม่ตอบโจทย์การใช้งานของคนญี่ปุ่น
Honda Odyssey Gen 3 (2005 – 2010)
Honda Odyssey เจเนอเรชันที่สามมีการเพิ่มขนาดตัวถังขึ้นอีกเล็กน้อย ยังคงเน้นดีไซน์ตัวรถไม่ได้สูงมากนัก ทรงยาวราบไปกับพื้น เพิ่มการตกแต่งให้ดูมีความสปอร์ตมากขึ้น รวมถึงรุ่นย่อยที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้สูงสุด 8 ที่นั่ง พร้อมจดจำที่นั่ง ระบบเสียงระดับพรีเมียม ยังคงใช้เครื่องยนต์ V6 ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดอยู่ แต่ให้กำลังสูงขึ้น
Honda Odyssey เพิ่มรุ่นย่อย Touring นอกเหนือจาก LX, EX และ EX L ที่ติดตั้งระบบ VCM หรือกระบอกสูบแปรผัน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น ทำให้มียอดขายสูงขึ้นแตะระดับ 174,000 – 178,000 คัน ในปี 2007 จนกระทั่งวิกฤตเศรษฐกิจในอเมริกาเริ่มก่อตัวและทำให้ยอดขายรถ Odyssey ลดลงมาเหลือระดับ 100,000 คันในปี 2010
Honda Odyssey Gen 4 (2011 – 2017)
Honda Odyssey เจน 4 มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ภายนอกใหม่ มีขนาดตัวถังกว้างขึ้น ยืนพื้นด้วยเครื่องยนต์ V6 และเพิ่มเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดในรุ่นท็อป Touring และรุ่นท็อปใหม่ Elite ที่ภายในรองรับเบาะที่นั่งแถวสองคู่แบบ Business Class เลื่อนเข้าออกได้ นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่ Honda บุกตลาดจีนอย่างจริงจังด้วย Odyssey ในปี 2014
ความพิเศษในช่วงเวลานี้คือมีการเปิดตัว Odyssey รุ่นไฮบริดเป็นครั้งแรก ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Sport Hybrid i-MMD ที่นำมาจากรุ่น Accord ซึ่งเป็นชุดมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กลงและเบาลงกว่ารถไฮบริดเดิมของ Honda จึงมีแรงบิดและกำลังที่สูงกว่าเดิมในปี 2016
Honda Odyssey Gen 5 (2018 – ปัจจุบัน)
Honda Odyssey รุ่นปัจจุบันอยู่ในเจเนอเรชันที่ 5 ซึ่งเป็นรุ่นที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง Deadpool & Wolverine ด้วยการปรับเปลี่ยนระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดในรุ่นทั่วไป และ 10 สปีดในรุ่น Touring และ Elite โดยยังคงเป็นรถที่ได้รับการออกแบบเรียบง่าย สร้างมาเพื่อความสะดวกสบายและเน้นความปลอดภัยในการเดินทาง
Honda Odyssey เจนที่ 5 วางขายในตลาดอเมริกา ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง รวมถึงจีน ก่อนที่จะมีการยุติสายการผลิตในประเทศญี่ปุ่นไปในปี 2021 แต่ยังคงผลิตในจีนอยู่ ปี 2023 Honda Odyssey กลับมาในรูปแบบ e:HEV สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ พร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่จาก Honda Sensing อย่างในปัจจุบัน