เมื่อกระแสรถ EV เบ่งบาน ทำให้เจ้าของตลาดเดิมอย่างรถสัญชาติญี่ปุ่นสะเทือนรุนแรง หลายค่ายถอนตัว ยุติการผลิตในหลายประเทศ และบางค่ายเริ่มหาทางรอดจากวิกฤตในครั้งนี้ หนึ่งในนั้นคือ Mitsubishi เตรียมจับมือกับกลุ่มพันธมิตร Honda และ Nissan ทำให้มียอดขายรถยนต์ทั่วโลกมากกว่า 8 ล้านคัน ผนึกกำลังค่ายรถญี่ปุ่น สู้กระแสสงครามราคารถ EV จีน
การเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์ที่มีผู้นำหน้าใหม่อย่าง Tesla มียอดขายรถ EV ทั่วโลก 1.8 ล้านคัน และ BYD ขายได้ 1.57 ล้านคัน ทำให้ผู้ผลิตรถสัญชาติญี่ปุ่นเริ่มผลักดันการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรใหม่ อย่างที่เราทราบกันดีว่าค่ายรถญี่ปุ่นอาจไม่ประสบความสำเร็จในด้านพลังงานไฟฟ้ามากนัก โดย Nissan มียอดขายรถ EV ทั่วโลกเพียง 140,000 คัน และ Honda เพียง 19,000 คันทั่วโลกในปี 2023
ก่อนหน้านี้ Honda Motor และ Nissan Motor ได้มีการประกาศข้อตกลงร่วมกันในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่สำหรับ Mitsubishi ที่มี Nissan ถือครองหุ้นอยู่ 34.01% จะเข้ามาร่วมกลุ่มพันธมิตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันสูง
Mitsubishi ลงนามในข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูลกับ Honda ผู้ผลิตรถอันดับที่ 2 ในญี่ปุ่น มียอดขายทั่วโลก 4.1 ล้านคัน และ Nissan ผู้ผลิตรถอันดับ 3 มียอดขายทั่วโลก 3.44 ล้านคัน เมื่อรวมกับ Mitsubishi ที่มียอดขายรวม 810,000 คัน ทำให้กลุ่มพันธมิตรมียอดขายรวม 8.35 ล้านคันเลยทีเดียว (Toyota ผู้ผลิตรถรายใหญ่ที่สุดในโลก จับมือกับ Mazda และ Subaru มียอดขายรวมทั่วโลกกว่า 16 ล้านคัน)
บริษัททั้ง 3 ตั้งเป้าในการพัฒนามาตรฐานซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมรถยนต์ รวมถึง Nissan และ Honda คาดหวังว่าจะเข้าไปช่วยพัฒนาซอฟต์แวร์ให้แก่รถยนต์ของ Mitsubishi ที่รองรับการอัปเดตได้แบบสองทาง ทั้งจากตัวรถและอัปเดตจากภายนอก (bidirectional communication function) ทำให้สามารถพัฒนาตัวรถได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะขายรถยนต์ไปแล้วก็ตาม
นอกจากนี้บริษัทจะนำเสนอเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูง พร้อม ๆ กับการลดต้นทุนและการโยกย้ายทรัพยากรให้เหมาะสมกับการผลิต เพื่อส่งเสริมไลน์ผลิตของกันและกัน ยกตัวอย่าง Honda ไม่ได้มีสายการผลิตรถ PHEV และรถกระบะในประเทศญี่ปุ่น แต่สามารถอาศัยความแข็งแกร่งของ Mitsubishi Motor ในการจัดหาชิ้นส่วน OEM ในอนาคต รวมถึงความร่วมมือในการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กด้วย เพื่อดิ้นรนต่อสู้กับตลาดรถ EV รวมถึงรถพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ที่กำลังเดือดระอุในเวลานี้