เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พ่อแม่ของ แลนดอน เอ็มบรี (Landon Embry) ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ Harley Davidson ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุโดนรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ที่เปิดใช้ Autopilot วิ่งด้วยความเร็ว 75 – 80 ไมล์ต่อชั่วโมง (120 – 128 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) พุ่งชนท้ายจนร่างหลุดกระเด็นออกจากรถในรัฐยูทาห์เมื่อปี 2022 ได้ฟ้องบริษัทเทสลาและผู้ขับขี่รถยนต์ต่อศาลของรัฐในเมืองซอลต์เลกซิตี้ โดยกล่าวหาว่าซอฟต์แวร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่และฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ ของรถยนต์มีข้อบกพร่องและไม่ดีพอ
ในสำนวนคำฟ้องอ้างว่าผู้ขับขี่รถยนต์ Model 3 นั้นอยู่ในสภาพที่เหนื่อย และไม่พร้อมที่จะขับขี่รถได้อย่างรอบคอบเหมือนผู้ขับขี่ทั่วไป อีกทั้งบอกว่าเซนเซอร์ของ Autopilot เช่น กล้อง ควรสามารถระบุอันตรายที่เกิดจากมอเตอร์ไซค์ของผู้เสียชีวิตได้ และถ้าผู้ขับขี่มีความรอบคอบในระดับหนึ่ง หรือระบบเบรกอัตโนมัติทำงานได้อย่างเหมาะสม ก็จะสามารถชะลอความเร็วหรือหยุดรถได้โดยไม่ชนกับรถมอเตอร์ไซค์
คดีนี้ได้ทำให้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Autopilot และ FSD ของเทสลา ถูกเพ่งเล็งและตรวจสอบอย่างเข้มงวดอีกครั้ง ซึ่งวันพุธที่ผ่านมา ตำรวจเผยว่าเมื่อเดือนเมษายน ได้เกิดเหตุรถยนต์ Tesla Model S ชนรถมอเตอร์ไซค์ในซีแอตเทิล จนทำให้ผู้ขับขี่วัย 28 ปีเสียชีวิต ซึ่งอ้างว่ารถยนต์คันดังกล่าวกำลังเปิดใช้งาน FSD
เดือนเมษายนที่ผ่านมา เทสลาได้ยอมความเพื่อยุติคดีความในปี 2018 จากอุบัติเหตุรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model X ปี 2017 ได้พุ่งชนแบริเออร์หรือตัวกั้นถนนบนทางหลวงใกล้ซานฟรานซิสโก จนทำให้ผู้ขับขี่ที่เป็นวิศวกรของบริษัท Apple เสียชีวิต โดยมีการอ้างว่ารถยนต์คันดังกล่าวกำลังเปิดใช้งาน Autopilot ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่ไม่โฟกัสหรือมองไปที่ถนน