หลังจาก Lamborghini เปิดตัวรถซูเปอร์คาร์ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด (HPEV) อย่าง Revuelto เป็นรุ่นแรก ตามมาด้วยการตอบรับกระแสความร้อนแรงของ Urus เอสยูวีรุ่นแรก จึงได้มีการปรับเปลี่ยนขุมพลังให้เป็นปลั๊กอินไฮบริดเช่นกันในรุ่น Urus SE ทาง Lamborghini ได้ต่อยอดขุมพลังดังกล่าวในรุ่นใหม่ทันที โดยใช้ชื่อว่า Temerario สำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสมรรถนะสูง ทายาท Huracán เวอร์ชันพลังงานทางเลือกนั่นเอง
Lamborghini Temerario มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว (แต่ละตัวมีกำลัง 110 kW) ที่พัฒนาในบ้านเกิดของกระทิงดุที่เมือง Sant’Agata Bolognese นานกว่า 5 ปี ความพิเศษของเครื่องยนต์ดังกล่าวคือเป็นรุ่นเดียวที่ผลิตในเมืองนี้และสามารถทำความเร็วได้ถึง 10,000 รอบต่อนาที ให้กำลังสูงสุด 920 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 340 กม./ชม. พร้อมอัตราเร่ง 0-100 ภายใน 2.7 วินาที
Lamborghini Temerario มีการปรับแชสซีใหม่ โดยใช้โลหะอะลูมิเนียมผสมกับโลหะที่มีความแข็งแรง ทำให้แชสซีมีความแข็งแกร่งมากขึ้น รองรับแรงบิดที่สูงขึ้น พร้อมเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารให้กว้างขวางยิ่งขึ้นด้วย ตัวรถวางแบตเตอรี่ขนาด 3.8 kWh ให้จุดศูนย์ถ่วงของรถต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมช่วยกระจายน้ำหนัก รองรับการชาร์จ AC 7 kW ในเวลาเพียง 30 นาที
ในเรื่องของดีไซน์ สิ่งที่เตะตาที่สุดของ Lamborghini Temerario คือไฟทรง 6 เหลี่ยมใหม่ ที่เป็นดีเอ็นเอของ Lamborghini มาตั้งแต่ยุค 1960 ก็ว่าได้ ซึ่งสัญลักษณ์ 6 เหลี่ยมถูกใช้ทั้งการดีไซน์ตัวรถ ตัวถัง ช่องลม ไฟหน้าไฟท้าย ไปจนถึงท่อไอเสีย โดยเฉพาะในรุ่น Temerario สัญลักษณ์รูป 6 เหลี่ยมถูกเน้นย้ำรอบคัน
ภายในห้องโดยสารยังคงออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจของห้องโดยสารเครื่องบิน ด้วยการดีไซน์เบาะวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่โอบรับสรีระต่ำ แผงหน้าปัดขนาด 9.1 นิ้วและจอดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วลาดเอียงบนคอนโซลกลาง มาพร้อมพวงมาลัยดีไซน์จากรถแข่ง นอกจากนี้ยังผสมผสานวัสดุคาร์บอน หนัง และไมโครไฟเบอร์ ให้คงความพรีเมียมและสปอร์ตเช่นเดิม
แม้จะบอกว่า Lamborghini Temerario เป็นทายาทของ Huracán แต่ด้วยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดใหม่ของ Temerario จึงลดการปล่อย CO2 ได้มากถึง 50% เมื่อเทียบกับ Huracán ตัวรถสามารถขับขี่ได้มากกว่า 13 โหมด ตั้งแต่โหมดสปอร์ตทั่วไปอย่าง Città, Strada, Sport, Corsa และ Corsa Plus และโหมดขับขี่แบบ e-4WD ที่สามารถควบคุมแรงบิดได้ดั่งใจ นอกจากนี้ยังมีระบบไฮบริด ที่มาพร้อมโหมด Recharge, Hybrid และ Performance ที่ปรับได้บนพวงมาลัยทันที พิเศษขึ้นเมื่อมาพร้อมกับโหมด Drift ที่ควบคุมได้ 3 ระดับด้วยกัน
ใครที่รอชมคันจริงของ Lamborghini Temerario มีข่าวดีว่า เรนาสโซ มอเตอร์ (Renazzo Motor) ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย อาจจะนำรถคันจริงมาโชว์ในไทยด้วย แต่เป็นเมื่อไหร่คงต้องติดตามกันต่อไป แต่เราว่าคันนี้เป็นรถที่สวยที่สุดของ Lamborghini ในช่วง 4-5 หลังมานี้เลย