หากใครคุ้น ๆ เราเคยเห็น Avatr 11 มาแล้วในงาน Motor Expo 2023 แต่ล่าสุด Avatr 11 เพิ่งจะเปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ChangAn Antomobile ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถ Deepal ที่เพิ่งครบรอบ 1 ปี การดำเนินงานในไทยไปหมาด ๆ นั่นเอง Avatr ตั้งเป้ารุก 50 ประเทศทั่วโลก (เจาะตลาดยุโรป และตั้งไทยเป็นประเทศที่สำคัญในการวางกลยุทธ์) พร้อมเปิดตัวดีลเลอร์กว่า 100 แห่ง ภายในปี 2025

นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีสเอเชีย จำกัด

แบรนด์ Avatr เป็นแบรนด์ที่ร่วมกันพัฒนาระหว่างบริษัท ChangAn Antomobile และ CATL บริษัทผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ของจีน รวมถึง Huawei ในฐานะผู้ผลิตระบบปฏิบัติการณ์ภายในตัวรถ Avatr ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2018 ชื่อของ Avatr มาจากคำว่า Avatar หมายถึงอีกหนึ่งตัวตนที่มีความอัจฉริยะ (นึกภาพหนังเรื่อง Avatar) ภายใต้การดีไซน์ของ Nadar Faghihzadeh เขาเป็นดีไซเนอร์ออกแบบรถให้มีความพรีเมียมหรูหรา เพราะว่าเขาเคยทำงานให้กับ BMW และเป็นคนออกแบบ BMW i8 และ Serie 7 มาก่อนนั่นเอง มี Global Design Center อยู่ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมัน และตัวเลขหลัง Avatr 11 อ่านว่า อวาทาร์ วันวัน

Avatr 11 เอสยูวีคูเป้มีขนาดตัวรถ 4,880 x 1,970 x 1,601 มม. พร้อมฐานล้อขนาด 2,975 มม. ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ อยู่ระหว่างไซซ์ของ BMW X4 และ X6 เลยทีเดียว มาพร้อมดีไซน์ไฟหน้าที่ได้แรงบันดาลใจ UFO เหมือนจานบิน พร้อมไฟ LED 108 ดวง และไฟท้าย LED 376 ดวง มีไฟแถวล่างอีกจุด พร้อมฐานล่างสีดำ ให้อารมณ์เหมือนตัวรถกำลังลอยอยู่ ท้ายลาดสไตล์คูเป้ กระจกตัดที่นั่งแถวหลัง อย่างไรก็ตามฝากระโปรงท้ายดันเปิดได้ไม่สุด เหมือนยกลอยอยู่ตรงกลาง ทำให้การมุดเข้าไปวางของต้องระวังศีรษะกระแทกด้วยเช่นกัน

ดีไซน์ภายในของ Avatr 11 มาพร้อมปุ่มเปิดประตูอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องออกแรงผลักประตูเลย (มีกิมมิกพูด ‘Hello’ สามารถเปิดประตูพร้อมกัน 4 บาน) หน้าจอ 3 จอสำหรับผู้โดยสารแถวหน้า เบาะคู่หน้ารองรับ Zero Gravity ที่ปรับเอนนอนได้ด้วยปุ่มเดียว ปรับได้ 14 ทิศทาง มาพร้อมระบบนวดและเป่าลมร้อน เบาะและคอนโซลทำจากวัสดุหนัง Nappa ใช้ชิ้นส่วนพลาสติกน้อยชิ้น มีให้เลือกสีดำอารมณ์สปอร์ต และสีแดงให้ความหรูหรา (สำหรับรุ่น Long Range) ปรับแสงบรรยากาศภายในห้องโดยสารได้มากกว่า 256 สี ใช้เครื่องเสียง Meridian 25 จุด ระดับเดียวกับรถหรูอย่าง Range Rover

Avatr 11 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ระบบขับเคลื่อนล้อหลังทั้งคู่ แบ่งเป็นรุ่น Standard มาพร้อมแบตเตอรี่เทคโนโลยี 800V ขนาด 90 kWh ขับขี่ไกล 575 กม. (มาตรฐาน NEDC) ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า และอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 6.6 วินาที รองรับการชาร์จ DC 240 kW จาก 30-80% ภายใน 15 นาที

ขณะที่รุ่น Long Range แบตเตอรี่ 116 kWh ขับขี่ไกล 680 กม. และอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 6.9 วินาที รองรับการชาร์จ DC 240 kW จาก 30-80% ภายใน 25 นาที ทั้งสองรุ่นทำความเร็วสูงสุด 200 km/h มาพร้อมดิสก์เบรก Brembo 4 ล้อ

ความแตกต่างระหว่างรุ่น Standard และ Long Range

  • ประตูช่วยปิด Soft-close (เฉพาะรุ่น Long Range)
  • ได้ล้อ 22 นิ้วในรุ่น Long Range (Standard ใช้ล้อ 21 นิ้ว)
  • คาริปเปอร์เบรกสีเหลืองด้านหน้า (เฉพาะรุ่น Long Range)
  • สีภายนอกได้สี Aqua Green (เฉพาะรุ่น Long Range)
  • สีภายใน Nappa Black และ Nappa Red (เฉพาะรุ่น Long Range)

Avatr 11 มาพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ ยังรองรับการใช้สมาร์ตโฟนแทนที่กุญแจรถ เพื่อใช้สั่งการตัวรถต่าง ๆ ได้ รวมถึงการจอด Auto Parking ผ่านระบบช่วยจอดอัตโนมัติจากระยะไกล RPA (กดที่จอก่อนและยืนยันกดที่มือถืออีกครั้ง) ตัวรถผ่านการทดสอบมาแล้วกว่า 600 ล้าน กม. ถึงขนาดเขาเคลมว่า ขับขึ้นไปถึง Basecamp ของเอเวอเรสต์มาแล้วด้วยระยะทางกว่า 3,300 กม. ที่ความสูงระดับ 5,000 เมตรเหนือน้ำทะเล รองรับการอัปเดตแบบ OTA ให้ทันสมัยอยู่เสมอ

Avatr 11 เปิดราคารุ่น Standard 2,099,000 และรุ่น Long Range ราคา 2,299,000 บาท พิเศษสำหรับลูกค้า 200 คนแรก ได้รับส่วนลดพิเศษ 100,000 บาท ราคา รุ่น Standard 1,999,000 บาท และรุ่น Long Range ราคา 2,199,000 บาท (ราคานี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2024) มาพร้อมแคมเปญพิเศษ AVATR withU Select ฟรีที่ชาร์จติดผนัง การรับประกัน การบำรุงรักษา และบริการฉุกเฉิน พร้อมการรับประกันตัวรถ 5 ปีหรือ 120,000 กม. และรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 บาท แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน