ผู้เชี่ยวชาญจากจีนออกมาวิจารณ์แผนในอนาคตของสหรัฐฯ ที่จะห้ามใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จีนในรถยนต์อัจฉริยะและรถยนต์อัตโนมัติ โดยมองว่าเป็นความพยายามของสหรัฐฯ ในการขัดขวางการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน แผนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเป็น 100% การห้ามนี้แสดงกังวลด้านความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐ โดยคาดว่าจะเริ่มมีผลตั้งแต่ปี 2027 สำหรับซอฟต์แวร์ และปี 2029 สำหรับฮาร์ดแวร์

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เตรียมประกาศมาตรการนี้ โดยจะห้ามนำเข้ารถยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์สำคัญในระบบสื่อสารและขับขี่อัตโนมัติจากจีน ซึ่งมองว่ามาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในจีนและสหรัฐฯ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าสหรัฐฯ กำลังใช้วิธีการปกป้องตลาดในประเทศอย่างเข้มงวด เพื่อต่อสู้กับการเติบโตที่รวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวเหล่านี้อาจไม่สามารถยับยั้งความก้าวหน้าของจีนได้ในระยะยาว โดยผู้เชี่ยวชาญจากจีนระบุว่าความพยายามของสหรัฐฯ ไม่สอดคล้องกับหลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน และในที่สุดอาจกลับมาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผู้บริโภคในสหรัฐฯ เอง

ในทางปฏิบัติ มาตรการเหล่านี้กลับสร้างความกังวลให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั้งในสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ อาทิ General Motors, Toyota และ Volkswagen เนื่องจากการเปลี่ยนซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของรถยนต์ที่นำเข้า จะต้องใช้เวลานานและต้นทุนสูง การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเพื่อตอบรับข้อกำหนดใหม่จะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ การเพิ่มภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนยังได้รับการวิจารณ์จากบริษัทในสหรัฐฯ ซึ่งคัดค้านมาตรการดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้ผู้บริโภคสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับราคาที่สูงขึ้น บริษัทหลายแห่งพยายามเรียกร้องให้รัฐบาลลดหรือเลื่อนการประกาศภาษีเหล่านี้ แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ

ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่าสหรัฐฯ กำลังดำเนินนโยบายปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศอย่างเข้มข้น แต่มาตรการเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ในระยะยาว มาตรการปกป้องเช่นนี้จะไม่เพียงส่งผลต่อจีนเท่านั้น แต่ยังทำให้ธุรกิจและผู้บริโภคในสหรัฐฯ เองต้องแบกรับภาระที่เพิ่มขึ้น

สุดท้าย ผู้เชี่ยวชาญจีนระบุว่าความล้มเหลวของนโยบายการปกป้องตลาดในสหรัฐฯ นั้นชัดเจน และหากสหรัฐฯ ต้องการพัฒนาความร่วมมือในอุตสาหกรรมยานยนต์ ควรหยุดนำประเด็นทางการเมืองมาแทรกแซงการค้า