เป็นประจำทุกปีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จะชวนสื่อมวลชนและลูกค้าไปร่วมทดสอบสมรรถนะของรถ Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG หลากหลายรุ่นที่ขายประจำปีนั้น ๆ ในสนามแข่งจริง ภายใต้กิจกรรมชื่อว่า “Mercedes-Benz Driving Events 2024” ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

รถยนต์ที่นำมาทดสอบวันนี้มีรถสันดาป ทั้ง G-Class, SL 43 และ Mercedes-AMG หลากหลายรุ่น รวมถึงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง CLE 53 4MATIC+ Coupé นอกจากนี้ยังมีรถไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นล่าสุด GLE 53 HYBRID 4MATIC+ ไปจนถึงรถ EV อย่าง EQS 500 และ EQE 300 รวมทั้งหมดกว่า 24 รุ่นด้วยกัน

โดยแบ่งสถานีทดสอบออกเป็น 4 สถานี ได้แก่ สถานี Motor Khana, Brake & Avoid, Drag Race และ Cornering ซึ่งแต่ละสถานีจะให้เราทดสอบประสิทธิภาพของตัวเองทั้งการเข้าโค้ง ระยะเบรก ความรวดเร็วในการตัดสินใจ การขับตามไลน์ในสนามแข่ง เพื่อให้รู้สึกถึงสมรรถนะของรถที่แตกต่างกันไป

สถานีแรกที่เราได้ทดสอบคือ Cornering ที่ช่วยเสริมทักษะการเข้าโค้งในสนามแข่งจริงช่วงสั้น ๆ ประมาณ 4-5 โค้ง โดยอาศัยรถ EV และ PHEV ของ Mercedes-Benz โดยเฉพาะ EQE 300 ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งจุดเด่นของรถ EV ในสนามแข่งแบบนี้คือการเข้าถึงความเร็วที่ค่อนข้างไว รวมถึงประสิทธิภาพของการเบรกที่ทำได้ค่อนข้างดี แม้ฟิลลิงการขับขี่จะไม่เร้าใจรถสันดาป ที่มีเสียงเครื่องยนต์และจังหวะรอบเครื่องยนต์ประกอบบรรยากาศก็ตาม แต่ก็ทำให้เห็นว่ารถไฟฟ้าก็ขับในสนามแข่งได้เหมือนกันนะ

สถานีต่อมาคือ Motor Khana หรือจิมคาน่าที่เราเรียกกัน เป็นสถานีที่ใช้ทดสอบความเร็วและความคล่องตัวของตัวรถ เพื่อให้ได้เวลาที่ต้องการ แถมมีของรางวัลแจกตอนท้ายด้วยนะสำหรับใครที่ทำเวลาได้ดีที่สุด ซึ่งในเส้นทางจะมีทั้งสลาล่อม จังหวะเบรกและเข้าโค้งด้วยความเร็ว รวมถึงการตอบสนองของพวงมาลัยและการทรงตัวของรถ ซึ่งในสถานีนี้แต่ละคนจะได้ใช้รถซีดานแต่ละรุ่นของ Mercedes-AMG ในการทดสอบความคล่องตัวนั่นเอง

สถานีถัดมาคือ Brake & Avoid สถานีทดสอบประสิทธิภาพในการเบรกและการตัดสินใจเฉพาะหน้าของผู้ขับขี่ เมื่อจำเป็นต้องเบรกและหักเลี้ยวในเสี้ยววินาที ที่ความเร็วประมาณ 80 km/h ตัวรถจะแสดงผลอย่างไร โดยอาศัยรถเอสยูวีเซกเมนต์ต่าง ๆ ของ Mercedes-AMG ในการทดสอบ โดยเฉพาะพี่ใหญ่อย่าง GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ บนพื้นที่เปียกก็เอาอยู่


และสถานีสุดท้ายที่ได้ทดสอบกันคือ Drag Race หรือการทดสอบความเร็วทางตรง พร้อมกับเบรกให้รถหยุดนิ่งในช่องที่กำหนด ซึ่งเรามีโอกาสได้ทดสอบรถสมรรถนะสูงอย่าง Mercedes-AMG G 63 เอสยูวีสุดพรีเมียมที่เป็นรถในฝันของใครหลายคน ได้เหยียบคันเร่งเต็มแม็กซ์ พร้อมฟังเสียงประตูกริ๊บ ๆ มันช่างฟินเหลือเกิน รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ ที่สามารถทำ Launch Control ออกตัวด้วยความเร็วสูงได้ ไปจนถึงรถสปอร์ตคูเป้อย่าง Mercedes-AMG SL 43 ที่แม้ขับสองล้อก็มีดีกรีความเร็วไม่แพ้กัน ซึ่งรถแต่ละเซกเมนต์มีระยะเบรกไม่เท่ากัน นักขับแต่ละคนต้องกะระยะเบรกกันให้ถูกด้วย เพื่อให้รถหยุดในช่องที่กำหนดนั่นเอง

ไฮไลต์สุดท้ายคือนำเทคนิคและสกิลที่เรียนรู้ทั้ง 4 สถานีมาใช้ในการขับขี่จริงในสนามแข่งแบบ Full Lap ด้วยการขับตาม Racing Line ของอินสตักเตอร์ในสนามแข่งว่าควรจะเข้าและออกโค้งอย่างไร ให้ตัวรถรักษาความเร็วและทำความเร็วได้ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอีกประสบการณ์ที่หาไม่ได้บ่อยนัก แต่ยังอาศัยทักษะจากการขับขี่ในสนามแข่ง ไปใช้บนถนนจริงได้อีกด้วย
