บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดในไทยชื่อ Denza ที่จะชูความพรีเมียมเหนือกว่า BYD ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริษัทส่งออกรถไปตลาดต่างประเทศมากที่สุดในโลก ซึ่ง Denza จะเข้ามาช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งและเพิ่มตัวเลือกให้แก่ผู้ใช้ BYD ในไทย ที่ปัจจุบันมีมากกว่า 56,000 ราย และมีโชว์รูมมากกว่า 118 แห่ง รวมถึงโชว์รูมของ Denza ที่มี 10 โชว์รูม (3 ใน กทม. และ 7 ต่างจังหวัด) พร้อมขยายเป็น 150 แห่งภายในปีนี้
แบรนด์ Denza ก่อตั้งเมื่อปี 2010 นอกจากจะเป็นแบรนด์รถพลังงานใหม่แล้ว ยังเน้นผู้ใช้งานในกลุ่มบน เพราะเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง BYD และ Daimler Benz (บริษัทในเครือ Mercedes-Benz) ที่ชูจุดเด่นเรื่องเทคโนโลยีและได้สมรรถนะเฉกเช่นเดียวกับรถยุโรป เปิดตัวโมเดลแรกในฐานะรถตู้ไฟฟ้า Denza D9 ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้มากกว่า 250,000 คันทั่วโลก (BYD ขายรถคันที่ 9 ล้าน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2024)
Denza D9 เปิดตัว 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Premium มาพร้อมกำลังมอเตอร์ 230 kW แบตเตอรี่ขนาด 103.36 kWh ขับขี่ได้ไกล 600 km พร้อมออปชันระบบช่วงล่าง FSD แบบเดียวกับ BYD Seal เบาะหนังพรีเมียม จอดิจิทัลกลางขนาด 15.6 นิ้ว ระบบเสียง DYNAUDIO 14 ตัว พร้อมตู้เย็นที่ทำความเย็น -6 ถึง 50 องศา ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น
นอกจากนี้ยังมีรุ่น Performance WD ขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมกำลังมอเตอร์ 275 kW แบตเตอรี่ขนาดเดียวกัน 103.36 kWh ขับขี่ได้ไกล 580 km รองรับการชาร์จ AC 11kW และ DC 166kW ชาร์จ 30-80% เพียง 10 นาที พร้อมออปชันระบบช่วงล่าง DiSus-C ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 ที่ช่วยตอบสนองช่วงล่างแบบอัตโนมัติ อัปเกรดเบาะหนังวัสดุ Nappa ทั้งคัน จอดิจิทัลกลางขนาด 15.6 นิ้วพร้อมระบบ Driver Monitor System ระบบความปลอดภัย FCTA และ FCTB เพิ่มเติม
ภายในห้องโดยสารของ Denza D9 ยังคงเน้นความพรีเมียม แต่อาจจะไม่เท่ากับรถตู้ไฟฟ้า 2 รุ่นที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้อย่าง Zeekr 009 และ XPENG X9 แต่ก็มีออปชันให้สมกับความหรูหราพรีเมียมตั้งแต่ หลังคากระจก Panoramic Glass Roof ขนาด 1.1 ตร.ม. พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า รองรับ 7 ที่นั่ง เบาะแถวสองมาพร้อมระบบนวดไฟฟ้าและเป่าลม พร้อมระบบ Welcome Seat
ตัวเบาะที่นั่งแถวสองจะได้รับความหรูหรามากขึ้นด้วยวัสดุ Nappa ทั้งคันในรุ่น Performance AWD มีจอเล็กบริเวณที่วางแขน เพื่อให้ควบคุมระบบเสียง ตำแหน่งเบาะ แสง ตู้เย็น หลังคา ไปจนถึงการเปิดปิดกระจก มีโต๊ะเล็ก ๆ ติดอยู่ด้านหลังเบาะที่นั่งแถวหน้า สังเกตว่า Denza D9 ไม่ได้ให้ออปชันของทีวีตรงกลางมาและเบาะแบบ Zero Gravity Seat เหมือนกับ Zeekr และ XPENG
สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารแถวหน้า แม้จะไม่ได้ชูจุดเด่นเหมือนกับ Zeekr ที่ได้กำลังสูง ขับขี่คล่องตัว หรือ XPENG ที่ดูจะไม่ได้เป็นคนขับรถมากเท่ากับ Denza D9 แต่ก็ให้ออปชันอย่าง Head-up display มาให้ใช้ ซึ่งค่อนข้างใหญ่และมองได้ชัดเจนดี บริเวณคอนโซลกลางก็มีปุ่นมาให้กดใช้ได้ง่าย ไม่ได้ย้ายไปไว้ในจอเสียหมด
สุดท้ายที่นั่งแถวสาม สามารถพับเบาะหลังได้แบบ 60/40 แม้จะไม่สามารถพับราบเรียบไปกับพื้นได้เหมือน XPENG แต่ก็พอจะเพิ่มพื้นที่ขนสัมภาระได้มากขึ้น โดยที่ไม่รบกวนที่นั่งแถวสองมากนัก แต่ก็ต้องปรับเลื่อนไปข้างหน้านิดหน่อย มิฉะนั้นจะไม่สามารถพับเบาะแถวสามลงได้
Denza D9 เปิดตัวรุ่น Premium ราคา 1,999,900 บาท และรุ่น Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท มาพร้อม Rever Care ในการรับประกันคุณภาพรถยนต์ 8 ปี หรือ 160,000 km รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 km เช่นกัน ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. 1 ปี อุปกรณ์ต่อ V2L และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง
อัปเดตยอดจอง Denza D9 หลังเปิดตัวเพียง 3 วัน กวาดยอดจองไปทั้งหมด 823 คัน แบ่งเป็นรุ่น D9 Premium 542 คัน และรุ่น D9 Performance AWD อีก 281 คัน