วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน นิสสัน (Nissan) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นได้รายงานผลประกอบการที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 พร้อมประกาศลดพนักงานทั่วโลกลง 9,000 คน หรือประมาณ 6.7% และลดกำลังการผลิตทั่วโลกลง 20% เนื่องจากต้องการลดต้นทุนลง 2,600 ล้านเหรียญ (88,893 ล้านบาท) ในปีงบประมาณปัจจุบัน อีกทั้ง มาโกโตะ อุชิดะ ซีอีโอของนิสสันจะลดเงินเดือนของตัวเองลง 50% รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการบริหารคนอื่น ๆ ก็ขอมีส่วนร่วมด้วย
ยอดขายรถยนต์ของนิสสันในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณอยู่ที่ 1.59 ล้านคัน ลดลงมา 3.8% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงในประเทศจีน 14.3% ส่วนในสหรัฐฯ ได้ลดลงเกือบ 3% เหลือประมาณ 449,000 คัน
นอกจากนี้ นิสสันยังได้ปรับลดประมาณการกำไรประจำปี 2024 ลง 70% เหลือ 150,000 ล้านเยน (33,653 ล้านบาท) ซึ่งนับว่าเป็นการปรับลดประมาณการในปีนี้เป็นครั้งที่ 2 ทั้งนี้นิสสันกำลังประสบปัญหาขาดรถยนต์ไฮบริดที่ดีพอที่จะแข่งในตลาดสหรัฐฯ ต่างจากโตโยต้าที่รถยนต์ไฮบริด-เบนซินมีความต้องการในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนิสสันยอมรับแบบตรง ๆ ว่าคาดการณ์ผิดไม่คิดว่าไฮบริดจะมีความต้องการเพิ่มอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ส่วนตลาดในจีนต้องแข่งขันกับ BYD และแบรนด์อื่น ๆ เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก และรถยนต์ไฮบริดที่แข่งกันเรื่องเทคโนโลยีทั้งประหยัดน้ำมันและระยะวิ่งที่ไกลขึ้น
นิสสันมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศจีน รวมถึงรถยนต์ปลักอินไฮบริด และ e-POWER ในสหรัฐฯ และจะลดระยะเวลาในการพัฒนารถยนต์ลงเหลือ 30 เดือน ตลอดจนจะกระชับความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Renault, Mitsubishi และ Honda เพื่อความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ ส่วนเรื่องเงินทุนก็จะมีการขายหุ้นใน Mitsubishi มูลค่า 68,600 ล้านเยน (15,391 ล้านบาท)