Mitsubishi Motors Corp. เปิดเผยว่า บริษัทกำลังพิจารณาที่จะไม่เข้าร่วมการควบรวมกิจการระหว่าง Nissan Motor Co. และ Honda Motor Co. แต่จะมุ่งเน้นเสริมสร้างความร่วมมือกับทั้งสองบริษัทยานยนต์ใหญ่แทน ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

การตัดสินใจดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อรักษาการควบคุมการบริหารของ Mitsubishi Motors ซึ่งถือเป็นพันธมิตรสำคัญของ Nissan และมีจุดแข็งในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความสำเร็จของการควบรวมกิจการดังกล่าว ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มุ่งสู่ยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ ซึ่งทั้งสามบริษัทกำลังเผชิญความท้าทาย

โฆษกของ Mitsubishi Motors แถลงว่า “ในขณะนี้ เรายังคงพิจารณาความเป็นไปได้ในทุกมิติ และยังไม่ได้ตัดสินใจในทิศทางที่ชัดเจน” ด้านประธานบริษัท นายทากาโอะ คาโตะ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่กรุงโตเกียวว่า “ยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ ในขั้นตอนนี้”

Nissan และ Honda ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองและสามของญี่ปุ่นตามยอดขาย ได้ประกาศในปีที่แล้วว่าจะเริ่มต้นเจรจาควบรวมกิจการภายใต้บริษัทโฮลดิ้งในปี 2026 หากแผนสำเร็จ จะทำให้เกิดกลุ่มบริษัทยานยนต์รายใหญ่อันดับสามของโลก รองจาก Toyota Motor Corp. และ Volkswagen AG โดยมุ่งหวังที่จะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่งจากสหรัฐฯ และจีนในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า

ทั้งนี้ ยอดขายรวมของ Honda, Nissan และ Mitsubishi Motors ในปี 2023 อยู่ที่กว่า 8 ล้านคัน เทียบกับ 11.23 ล้านคันของ Toyota และ 9.24 ล้านคันของ Volkswagen

ตามแผนเดิม Mitsubishi Motors ต้องตัดสินใจภายในสิ้นเดือนมกราคม 2025 ว่าจะเข้าร่วมการควบรวมกิจการหรือไม่ ขณะที่ Nissan และ Honda ตั้งเป้าสรุปการเจรจาในเดือนมิถุนายน 2025 ก่อนจะดำเนินการตั้งบริษัทโฮลดิ้งในเดือนสิงหาคม 2026

แม้ว่าการควบรวมกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมอิทธิพลของทั้งสามบริษัทในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังมีข้อกังวลจากภายใน Honda และ Mitsubishi Motors เกี่ยวกับศักยภาพของ Nissan ในการฟื้นฟูกิจการ หลังจาก Nissan รายงานกำไรสุทธิลดลงกว่า 90% ในช่วงเมษายนถึงกันยายน และประกาศปลดพนักงาน 9,000 คนทั่วโลกในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

Honda ยังตั้งเงื่อนไขสำคัญสำหรับการควบรวมกิจการ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ Nissan จะต้องพิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

แม้ว่าการควบรวมกิจการจะเป็นโอกาสสำคัญ แต่การเลือกเส้นทางที่ชัดเจนยังขึ้นอยู่กับการพิจารณารอบด้านของแต่ละบริษัท โดย Mitsubishi Motors แสดงท่าทีชัดเจนที่จะรักษาความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ และเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือกับ Nissan และ Honda เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในตลาดโลกต่อไป

ทั้งนี้ การพัฒนาในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เร่งตัวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับทุกฝ่ายในสมการนี้ ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นในอนาคต.