สมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (CPCA) เปิดเผยข้อมูลว่า Tesla ในประเทศจีนมีขายยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในเดือนมกราคม 63,238 คัน ซึ่งเป็นยอดขายทั้งในจีนและส่งออกไปขายต่างประเทศ พบว่าลดลง 11.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มียอดขาย 71,447 คัน และลดลง 32.56% จากเดือนธันวาคมที่มียอดขาย 93,766 คัน
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนของ Tesla นั้นสวนทางกับของคู่แข่งที่ต่างพากันเพิ่มขึ้น เริ่มจาก BYD ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่และรถยนต์ไฮบริดปลักอินอยู่ที่ 296,446 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้แต่ Xpeng และ Changan ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของ Tesla ชี้ให้เห็นว่าได้ทำยอดขายในจีนประจำปี 2024 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมาจากยอดขายที่โดดเด่นของเดือนธันวาคมที่ 83,000 คัน เพิ่มจากเดือนพฤศจิกายนที่ 78,856 คัน คิดเป็น 12.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน นั่นก็เพราะว่าการใช้กลยุทธ์ลดราคา
24 พฤศจิกายน เทสลาได้ต่อสู้กับสงครามราคาในจีนโดยการมอบส่วนลด 10,000 หยวน (47,130 บาท) จากการชำระเงินงวดสุดท้ายสำหรับรถยนต์รุ่นขายดีคือ Model Y และขยายระยะเวลาผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 5 ปี สำหรับ Model 3 และ Model Y บางรุ่นจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2025 และเดือนมกราคม Tesla ได้เปิดตัว Model Y รุ่นปรับปรุงใหม่พร้อมโปรฯ ดอกเบี้ย 0%
นอกจากนี้ Tesla ไม่ได้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาสักเท่าไหร่ ล่าสุดมีออกมาก็ช่วงปลายปี 2023 นั่นก็คือรถกระบะไฟฟ้า Cybertruck ที่ราคาเริ่มต้น 80,000 เหรียญ (2,709,600 บาท) หลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019 และในระหว่างการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ซีอีโอ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เผยว่าบริษัทมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นราคาถูกที่เคยกล่าวถึงมานาน และจะเริ่มทำการทดสอบบริการเรียกรถยนต์ไร้คนขับภายในเดือนมิถุนายน 2025
ปี 2024 Tesla ได้พยายามปล่อยฟีเจอร์ FSD ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ในจีน และมัสก์คาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในสิ้นปี 2024 ล่าสุดระหว่างการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 มัสก์กล่าวว่าบริษัทต้องเผชิญกับความท้ายในการปล่อย FSD ในจีน เนื่องจากจีนไม่อนุญาตให้บริษัทถ่ายโอนวิดีโอสำหรับการเทรนไปยังโมเดลไอเอออกนอกประเทศจีน และรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ไม่อนุญาตให้นำโมเดลเอไอเข้ามาทำการเทรนในประเทศจีน แถมช่องทางการเดินรถในจีนมีความซับซ้อน และยังมีเรื่องของเวลาการเปิดปิดใช้งานเพิ่มเข้ามาด้วย