มาร์ก โรเบอร์ (Mark Rober) YouTuber, วิศวกร และนักประดิษฐ์ ได้ทำวิดีโอทดสอบระบบ Autopilot ของ Tesla Model Y ที่ใช้เพียงกล้องเปรียบเทียบกับรถที่ใช้ระบบ LiDAR โดยจำลอง 6 สถานการณ์ที่แตกต่างกัน
Tesla ได้พัฒนา Tesla Vision ขึ้นมาเอง เพื่อใช้ในระบบ Autopilot ที่อาศัยเพียงกล้องและ AI แทนการใช้ LiDAR หรือเซนเซอร์จากบริษัทอื่น ซึ่ง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้ยืนยันว่าระบบ Tesla Vision สามารถเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับถนนทุกประเภทได้เหมือนมนุษย์ และจะช่วยให้พัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติได้รวดเร็วและขยายตลาดง่ายกว่าคู่แข่ง แต่ปัจจุบันระบบ Autopilot ของ Tesla ยังอยู่ในระดับ 2 เป็นเพียงระบบช่วยขับ ไม่ใช่ขับเองแบบ 100%
นักวิจารณ์แย้งว่าระบบนี้มีข้อจำกัด โดยเฉพาะเมื่อมัสก์เคยกล่าวว่า Tesla จะพัฒนารถให้ถึงระดับ 5 (สามารถขับเองได้ทุกสภาพแวดล้อม) แต่กล้องเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วย LiDAR ที่สามารถสร้างแผนที่ 3 มิติที่แม่นยำกว่ากล้อง แต่มัสก์ไม่เลือก
ซึ่งในการทดสอบทั้ง 6 สถานการณ์ Tesla สามารถหยุดรถได้เมื่อเจอกับหุ่นเด็กนิ่ง, หุ่นเคลื่อนที่ และแสงรบกวน แต่เมื่อมีหมอกหนาหรือฝนตกหนัก Tesla กลับไม่สามารถหยุดได้ แต่รถที่ใช้ระบบ LiDAR สามารถหยุดรถได้ทุกสถานการณ์ เพราะเป็นระบบเลเซอร์ที่สามารถตรวจจับวัตถุได้ดีกว่าระบบ Tesla Vision ที่ใช้เพียงแค่กล้องที่มีข้อจำกัด
และสถานการณ์สุดท้าย โรเบอร์ทดสอบด้วยการนำกำแพงปลอมที่มีภาพวาดถนน (เหมือนในการ์ตูน Wile E. Coyote) มาขวางทาง ผลลัพธ์ที่ออกมาคือรถที่ใช้ระบบ LiDAR หยุดได้ทันที เพราะเซนเซอร์รับรู้ว่านั่นคือกำแพงจริง ๆ แต่ Tesla ที่ใช้กล้องขับชนกำแพง เพราะถูกหลอกด้วยภาพถนนปลอม
โดยการทดสอบนี้มีข้อสังเกตถึงข้อจำกัดของระบบที่ใช้กล้องเพียงอย่างเดียว และระบบ Tesla Vision ที่ควรปรับปรุง โดยเฉพาะในเรื่องของการตรวจจับวัตถุในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งต่างจากระบบ LiDAR ที่อาศัยข้อมูลจริงของวัตถุไม่ใช่แค่ภาพที่เห็น และอีกหนึ่งข้อสังเกตคือการทดสอบอาจถูกออกแบบมาเพื่อเน้นจุดอ่อน และไม่ได้นำเสนอความสามารถเต็มที่ของระบบในทุกสถานการณ์