วันอังคารที่ 18 มีนาคม เหลย จุน (Lei Jun) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Xiaomi ของจีนได้โพสต์บน Weibo ว่าบริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของปี 2025 เป็น 350,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 16.67% จากเป้าหมายเดิม 300,000 คัน ที่เคยประกาศไว้เมื่อต้นปี พร้อมเผยว่าการเพิ่มกำลังการผลิตเป็นไปอย่างราบรื่น ประมาณว่าถึงเป้าหมายส่งมอบจะเพิ่ม แต่การผลิตก็พร้อมรองรับ
ก่อนหน้านี้ Xiaomi ได้โพสต์ประกาศความสำเร็จบน Weibo ว่าบริษัทได้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว 200,000 คัน ซึ่ง 100,000 คันแรกใช้เวลา 229 วัน และการส่งมอบ 100,000 คันครั้งที่ 2 ใช้เวลาแค่ 119 วันเท่านั้น
ในรายงานผลประกอบการประจำปี 2024 เผยว่า Xiaomi ได้ส่งมอบรถยนต์ SU7 จำนวน 136,854 คัน สร้างรายได้ 32,800 ล้านหยวน (152,223 ล้านบาท) โดยมียอดส่งมอบเกิน 20,000 คัน 5 เดือนติดต่อกัน และมียอดส่งมอบสะสมมากกว่า 180,000 คัน จากยอดสั่งซื้อกว่า 248,000 คัน
Xiaomi ได้เปิดตัวรถยนต์ซีดานไฟฟ้า SU7 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2024 มี 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น Standard ราคา 215,900 หยวน (1,000,000 บาท), รุ่น Pro ราคา 245,900 หยวน (1,142,568 บาท) และรุ่น Max ราคา 299,900 หยวน (1,393,477 บาท) โดยเริ่มส่งมอบรุ่น Standard และ Max ไปเมื่อเดือนเมษายน 2024 ส่วนรุ่น Pro เริ่มส่งมอบในเดือนพฤษภาคม 2024
เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Xiaomi พึ่งเปิดตัว SU7 รุ่น Ultra ในราคา 529,900 หยวน (2,461,723 บาท) ซึ่งส่งมอบไปเมื่อต้นเดือนมีนาคม และตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 10,000 คัน
Xiaomi มีโรงงานผลิตรถยนต์ตั้งอยู่ในปักกิ่ง ซึ่งเฟสแรกมีกำลังการผลิตที่ 150,000 คันต่อปี และบริษัทได้มีการก่อสร้างโรงงานเฟสที่ 2 ไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 ตามแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 300,000 คันต่อปี ซึ่งจะสร้างเสร็จในเดือนมิถุนายน 2025 และเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Xiaomi ได้มีการวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ให้มากขึ้นแล้ว ดังนั้นเป้าหมายที่ปรับใหม่เป็น 350,000 คันต่อปี คงคิดมาดีแล้วว่าเป็นไปได้
นอกจากนี้ Xiaomi มีแผนจะเปิดตัว YU7 รถยนต์ SUV ไฟฟ้าคันแรกของบริษัท ในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม 2025 ซึ่งจะออกมาแข่งกับ Tesla Model Y รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศจีนทั้งในปี 2023 และ 2024 ซึ่งจากยอดส่งมอบ SU7 สามารถแซงหน้า Tesla Model 3 ในประเทศจีนไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหาก YU7 สามารถแซง Tesla Model Y ได้อีก บริษัทก็น่าจะไปถึงยอด 350,000 คันได้