ปีนี้ เทสลา (Tesla) เผชิญกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ในตลาดยุโรป โดยส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าลดลงอย่างมากถึง 58% ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2025 จาก 18.4% ในปี 2024 เหลือเพียง 7.7% ในปีนี้
ขณะที่ยอดขายของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนในยุโรปกลับเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมียอดขายเกือบ 20,000 คัน ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าเทสลาที่ขายได้เพียง 15,700 คัน
ข้อมูลจาก JATO Dynamics ระบุว่า เทสลาประสบปัญหาตลาดตกต่ำในยุโรปอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในเยอรมนีที่มีการต่อต้านจากประชาชนจำนวนมากหลังจากที่ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา เข้าร่วมการรณรงค์กับพรรคขวาจัดในช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้การสนับสนุนจากประชาชนเยอรมันลดลงอย่างรวดเร็ว
การสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนเยอรมันพบว่า มากกว่า 94% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ต้องการซื้อรถเทสลาอีกต่อไป ซึ่งส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของเทสลาในยุโรปลดลงอย่างรุนแรงในปีนี้ แม้ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วทั้งยุโรปจะเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมียอดขายรวม 164,148 คัน ในเดือนกุมภาพันธ์
นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนยังเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดยุโรป โดย BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก สามารถทำยอดขายได้ถึง 4,400 คัน ในเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นถึง 94% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในตลาดเยอรมนีที่เทสลาเคยครองส่วนแบ่งตลาดเป็นหลัก
การเติบโตของยอดขายรถ BYD แสดงถึงสงครามรถไฟฟ้าที่กำลังแข่งขันอย่างดุเดือด ถึงแม้ว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะบังคับใช้ภาษีต่อต้านรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศจีนเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนยังคงสามารถขยายตลาดและเข้าแข่งขันกับแบรนด์ยุโรปได้อย่างมีประสิทธิภาพ