หลังจากที่ Mitsubishi Outlander PHEV ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทีมงาน beartai ก็ได้รับเชิญให้ไปทดสอบกันแบบสั้น ๆ กับ รถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก ขับเคลื่อน 4 ล้อ อันเป็น PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) คันแรกของ Mitsubishi ที่จำหน่ายในเมืองไทย ณ ริมทะเลสาบเมืองทองธานี

เริ่มต้นด้วยเรื่องพละกำลังกันก่อน โดย Mitsubishi Outlander PHEV มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC ขนาด 2.4 ลิตร MIVEC ให้กำลังสูงสุด 128 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ด้านหน้า 82 แรงม้า แรงบิด 137 นิวตันเมตร และ ด้านหลัง 95 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตร เมื่อรวมกันจะได้พละกำลังสูงสุด 305 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 531 นิวตันเมตร เชื่อมกับแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ความจุ 13.8 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง สามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าสูงสุด 55 กิโลเมตร ขณะที่การชาร์จไฟจะใช้อะแดปเตอร์ประเภท Type 1 และแบบชาร์จไว CHAdeMO ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทาง Mitsubishi เคลมไว้ว่าสามารถทำได้ 52.6 กิโลเมตรต่อลิตร และปล่อยไอเสียเพียง 43 กรัมต่อกิโลเมตร มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อิสระ S-AWC (Super All-Wheel Control) ทำหน้าที่กระจายแรงบิดไปสู่ 4 ล้อ อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะขณะเข้าโค้งบนสภาพพื้นถนนในรูปแบบต่าง ๆ อันเป็นเทคโนโลยีที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่อย่าง Mitisubishi Lancer Evolution 10 นั่นเอง
ลองสั้น ๆ ผ่าน 3 สถานีทดสอบสมรรถนะ
ในการทดสอบครั้งนี้เป็นการทดสอบในสนามซึ่งมีระยะทางและเวลาที่จำกัด ทีมงานจึงจับความรู้สึกได้พอหอมปากหอมคอ เริ่มต้นกันที่สถานีอัตราเร่ง ที่ต้องการให้ผู้ทดสอบได้รับรู้สมรรถนะของ PHEV จากที่ได้ลองทั้งโหมด Normal และ โหมด Sport พบว่าการออกตัวยังมีความหน่วงอยู่ แต่ไม่ถึงกับอืดมาก ไม่กระชากหลังติดเบาะ แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้โหมด EV การออกตัวจะไวขึ้นอาการหน่วงน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นทางครูฝึกให้เพิ่มความเร็วถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วเหยียบเบรกแบบกะทันหัน เท่าที่ทีมงานจับอาการได้คือระบบเบรกทำงานได้ดี ขณะที่ตัวแป้นมีความรู้สึกนุ่ม ไม่แข็งจนเกินไป

หลังจากรับรู้พละกำลัง PHEV กันแล้ว สถานีต่อไปเป็นการทดสอบการเข้าโค้งแบบวงกลม (Circle) โดยทาง Mitsubishi Motors ได้จำลองสถานการณ์ถนนเปียกลื่นด้วยการราดน้ำและเพิ่มความลื่นเข้าไป เพื่อให้เข้าใจการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อิสระ S-AWC จากที่ทีมงานได้ทดลองขับพบว่าการควบคุมขณะเข้าโค้งถือว่าทำออกมาได้พอใจมาก ระบบ S-AWC ได้ทำการควบคุมแรงบิดของชุดทำงานมอเตอร์ 2 ชุดหน้า-หลังของทั้ง 4 ล้อได้ออกมาแนบเนียนนิ่ง ๆ มีอาการท้ายโยนออกเล็กน้อยมากแต่ก็ยังควบคุมแก้อาการท้ายออกได้แบบสบาย
จากลองถนนเปียกสู่การทรงตัวบนถนนแห้งผ่านสถานีสลาลอม ในความเร็วประมาณ 30 ถึง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พบว่ายังเข้าไปได้นิ่ง ๆ เอาอยู่ แต่ติดเรื่องพวงมาลัยยังถูกเซ็ตมาเบาไปหน่อย ถ้าเพิ่มน้ำหนักความหนืดเข้าไปทำให้มีความมั่นใจเพิ่มกว่านี้อย่างแน่นอน

สรุปสั้น ๆ : PHEV ที่ตอบโจทย์เพื่อครอบครัว
หลังจากที่ได้ทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV แบบสั้น ๆ พอจะจับแนวทางของคาแรกเตอร์รถรุ่นนี้ได้ว่าถูกออกแบบมาเพื่อรถครอบครัวที่แท้จริง ทั้งภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางดูไม่อึดอัด การออกตัวที่นุ่มนวล ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ครบครัน การควบคุมผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ S-AWC ที่ไว้ใจได้ รวมไปถึงออปชันต่าง ๆ ที่ให้มาถือว่าตอบโจทย์สายท่องเที่ยวจริง ๆ แต่จุดสังเกตในเบื้องต้นพบว่า พวงมาลัยมีน้ำหนักที่เบาเกินไป แม้จะตอบสนองวงเลี้ยวได้แม่นยำก็ตาม และอีกจุดคือหัวชาร์จไฟ ที่ยังคงแบบ Type 1 ทั้งที่ประเทศไทยได้ประกาศใช้ให้เป็น Type 2
ส่วนรุ่นย่อยและราคาของ Mitsubishi Outlander PHEV ถือว่ากำลังดี ไม่สูงจนเกินไป ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- 2.4 PHEV GT 4WD 1,640,000 บาท
- 2.4 PHEV GT-Premium 4WD 1,749,000 บาท
หากท่านใดสนใจสามารถสัมผัสคันจริงได้ในงาน Thailand International Motor Expo 2020 ถึงวันที่ 13 ธันวาคมนี้ ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส