‘BMW iX’ วางตำแหน่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ไฟฟ้าตัวท็อปของค่ายใบพัดสีฟ้า ดีไซน์ของตัวรถทั้งภายนอกและภายในถูกตีความใหม่ เน้นการใช้งานและความสนุกในการขับขี่ และยังคงความหรูหราในเวลาเดียวกัน

‘บีเอ็มดับเบิลยู iX’ เปิดตัวทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันคือ BMW iX xDrive50 และ BMW iX xDrive40 มาพร้อมเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชัน 5 ทำงานควบคู่กับเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรีใหม่ล่าสุด สามารถขับเคลื่อนได้สูงสุด 630 และ 425 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง รองรับการชาร์จเร็วภายในเวลา 40 นาที หรือชาร์จเพื่อระยะทาง 120 กิโลเมตร ภายในเวลา 10 นาทีเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีระบบทำงาน iDrive เจเนอเรชันใหม่ ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกใน ‘บีเอ็มดับเบิลยู iX’ คันนี้ที่ช่วยเชื่อมระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ให้ใกล้กันยิ่งขึ้น ควบคู่กับจอระบบสัมผัสแบบโค้งที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแบบครบครัน ไปจนถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่หลากหลายที่ช่วยให้การขับขี่เป็นเรื่องง่ายและสะดวกขึ้น ไม่ว่าคนที่อยู่หลังพวงมาลัยจะมีประสบการณ์มากน้อยเพียงใดก็ตาม

โรงงานบีเอ็มดับเบิลยูในเมืองมิวนิค

‘บีเอ็มดับเบิลยู iX’ พัฒนาขึ้นในโรงงานในเมืองมิวนิคและดินโกลฟิง แคว้นบาวาเรีย ภายในโรงงานมีการนำพลังงานไฟฟ้าจากน้ำในแม่น้ำอีซาร์และเลคมาใช้ในโรงงาน เพื่อลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตและส่งเสริมการใช้พลังงานสีเขียว โดยมีการเซ็นสัญญากับบริษัทที่ดูแลเกี่ยวกับการใช้พลังงานน้ำมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนของ ‘บีเอ็มดับเบิลยู iX’

นอกจากพลังงานน้ำ บีเอ็มดับเบิลยูยังใช้พลังงานทางเลือกอื่น ๆ อาทิ การใช้พลังงานลมจากกังหันลม 4 เสาของโรงงานในเมืองไลป์ซิกเพื่อใช้ผลิต ‘BMW i3’ หรือโรงงานในเมืองซันลุยส์โปโตซี ประเทศเม็กซิโกที่ใช้พลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์เช่นกัน ไปจนถึงการใช้วัสดุธรรมชาติอย่างแหดักปลามาทำเป็นพรมปูพื้น หรือการรีไซเคิลหล่ออะลูมิเนียมแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ให้กับ ‘BMW iX’ อีกด้วย อีกทั้งการใช้พลังงานสะอาดเหล่านี้ยังทำให้โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยูสามารถลดอัตราการปล่อยของเสียจากการผลิตได้มากถึง 70% ต่อรถยนต์หนึ่งคันเลยทีเดียว

อ้างอิง BMW

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส