วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม องค์กรบริหารความปลอดภัยบนท้องถนนของสหรัฐฯ (NHTSA) ได้ประกาศเปิดการสอบสวนเกี่ยวกับ Autopilot ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัตโนมัติ SAE ระดับ 2 ในรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลา (Tesla) รุ่น S, 3, X และ Y ปี 2014 – 2021 ที่มีจำนวนประมาณ 765,000 คัน
เอกสารของสำนักงานสอบสวนข้อบกพร่อง (Office of Defects Investigation : ODI) ภายใต้ NHTSA ได้ให้คำอธิบายถึงปัญหาที่ตรวจสอบว่าเป็นเรื่องการขับชนบนท้องถนนหรือริมถนน โดยสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดได้เกิดการชนหรือไฟไหม้ 11 ครั้ง, เหตุการณ์ที่ไม่ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 7 ครั้ง, จำนวนผู้บาดเจ็บ 17 คน, เหตุการณ์มีผู้เสียชีวิต 1 ครั้ง และมีจำนวนผู้เสียชีวิต 1 คน
รายงานยังเผยว่าตั้งแต่มกราคม 2018 ได้พบการชนกับรถฉุกเฉินที่จอดอยู่และต่อมาก็พบอย่างน้อยอีกหนึ่งคัน พร้อมยืนยันว่าก่อนที่รถยนต์ใกล้จะเกิดอุบัติเหตุต่างมีส่วนมาจากการใช้ Autopilot หรือการควบคุมความเร็วของรถตามสภาวะการจราจรโดยรอบ (Traffic Aware Cruise Control) และส่วนท้ายเอกสารได้สรุปวันที่ เมือง และรัฐฯ ที่เกิดเหตุ ซึ่งในปีนี้ได้เกิดเหตุแล้วถึง 4 ครั้ง
ODI ย้ำว่า Autopilot เป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ซึ่งจะช่วยรักษาความเร็วและให้รถอยู่ในเลนเมื่อมีการใช้งานระบบรับรู้ขีดจำกัด (ODD : จะคืนการควบคุมให้ผู้ขับขี่เมื่อเจอเหตุการณ์ที่จำกัดหรือความเสี่ยง) ซึ่งจัดอยู่ในมาตรฐาน SAE ระดับ 2 ที่ต้องมีคนขับคอยควบคุมหลังพวงมาลัย โดยผู้ขับขี่ยังต้องทำหน้าที่หลักสำหรับการตรวจดูและตอบสนองต่อวัตถุและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (OEDR) คือ รับรู้ว่ามีสิ่งกีดขวางบนถนน หรือหลบหลีกรถคันอื่นที่อยู่รอบข้างได้
นอกจากนี้การตรวจสอบก็จะมีการประเมินการทำงานของ OEDR และระบบ ODD เมื่อทำงานอยู่ในโหมด Autopilot เพิ่มเติม รวมทั้งการตรวจสอบสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการชน 11 ครั้งและการชนในครั้งอื่น ๆ ที่มีความคล้ายคลึงกัน
ที่มา : cnet.com และเอกสารของ ODI
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส