Our score
7.2

รีวิว Omoda C 5 EV เอสยูวีไฟฟ้า ช่วงล่างเฟิร์มกำลังดี รีเจนหน่วงไปนิด เกินคุ้มราคาไม่ถึงล้าน

จุดเด่น

  1. ช่วงล่างดี ขับขี่สบาย ใช้งานได้ทั้งในเมืองและออกต่างจังหวัด
  2. ออปชันค่อนข้างครบ มีม่านปิดกระจก ระบบความปลอดภัยแอคทีฟมาก
  3. จุดเด่นช่องชาร์จจากด้านหน้ารถ หมดห่วงเรื่องที่แคป

จุดสังเกต

  1. ระบบรีเจนพลังงานหน่วง 2 วิ ดึงหนักมาก
  2. เสียงจากพื้นเข้ามาที่ตัวรถค่อนข้างชัด
  3. ม่านกระจกเปิดให้แต่ต้องใช้มือปิดเอง
  • เอสยูวีมีดีช่วงล่าง ชูชาร์จด้านหน้ารถ ติดแค่เรื่องรีเจนหน่วง

    7.2

หลังจาก Chery Automobile เปิดตัวแบรนด์ OMODA และ JAECOO ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เราเพิ่งได้มีโอกาสไปทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของทั้งสองรุ่น ซึ่งจะขอแยกเป็นรีวิวของ Omoda C 5 EV ในโพสต์นี้ และแยกรีวิวของ Jaecoo 6 EV รถ EV สายออฟโรดไปอีกโพสต์หนึ่ง ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) มาดูกันว่ารถ EV ที่มีออปชันเหนือคู่แข่งในตลาดน่าสนใจขนาดไหน

OMODA C5 EV รถครอสเอสยูวีไฟฟ้า หรือ B-SUV ที่ชูจุดเด่นเรื่องออปชันสูงกว่ารถประเภทเดียวกันในตลาด โดยทำตลาดในรุ่น Long Range เป็นต้นไป แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยคือ Long Range Plus และ Long Range Ultimate ขับเคลื่อนล้อหน้าเหมือนกันทั้งสองรุ่น มาพร้อมกำลังมอเตอร์ 204 แรงม้า แบตเตอรี่ 61 kWh ขับไกล 505 กม. (มาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จ AC 9.9 kW และ DC 80 kW

  • NETA X (Smart) แบตฯ 62 kWh ขับไกล 480 กม.
  • BYD Atto 3 (Entended) แบตฯ 60.48 kWh ขับไกล 480 กม.
  • GAC Aion Y Plus (490 Premium) แบตฯ 63.2 kWh ขับไกล 490 กม.
  • OMODA C5 EV (Long Range Plus) แบตฯ 61 kWh ขับไกล 505 กม.

ความต่างระหว่าง OMODA C5 EV ในรุ่น Long Range Plus และ Long Rang Ultimate เป็นเรื่องของออปชันภายใน ได้แก่

  • ได้กล้องมองรอบคันและใต้พื้น 540 องศา (รุ่น Long Range Plus ได้กล้องมองหลัง)
  • หลังคาซันรูฟและราวหลังคา
  • ไฟเลี้ยวท้ายแบบวิ่งได้
  • ไฟส่องที่กระจกมองข้าง
  • ชุดแต่งขอบประตูสีดำเงา (รุ่น Long Range Plus สีดำด้าน)
  • กระจกคู่หน้าลดเสียงรบกวน
  • ลำโพง Sony 8 ตำแหน่ง (รุ่น Long Range Plus ได้ลำโพงทั่วไป 6 ตำแหน่ง)
  • สายไฟ V2L

หลังจากได้ทดลองขับขี่เป็นระยะทางกว่า 120 กม. ในเส้นทางกรุงเทพฯ – นครนายก พบว่าเป็นรถที่ขับขี่สบาย ช่วงล่างมีความนุ่มเฟิร์ม เวลาเจอถนนขรุขระ ช่วงล่างก็เอาอยู่ ไม่รู้สึกว่าแข็งกระด้างหรืออ่อนยวบเกินไป เราชอบกล้อง 360 องศา (หรือ 540 องศาที่เขาเรียก) มันค่อนข้างชัดและใช้ได้จริง คือภาพไม่บิดเบี้ยว แถมยังมีมุมมองใต้รถให้ดูอีกด้วย

เราพบปัญหาเรื่องเสียงจากใต้พื้นเข้ามาภายในห้องโดยสารค่อนข้างชัด แต่ด้านข้างสำหรับรุ่นท็อป Long Rang Ultimate ได้กระจกคู่หน้าก็ลดเสียงรบกวนจากภายนอกลงไปได้มาก ด้านบนมาพร้อมหลังคากระจก ปุ่มเปิดหลังคาให้ ต้องกด 3 จังหวะถึงจะเปิดม่านและกระจกได้ แต่ตอนปิดกดครั้งเดียว และใช้มือปิดม่านเอง

เรื่องการขับขี่รู้สึกว่าระบบความปลอดภัยที่ให้มากับตัวรถค่อนข้างแอ็กทีฟ Omoda C 5 EV มาพร้อมระบบ ADAS+DMS กว่า 17+1 ระบบ ตั้งแต่การเตือนใช้ความเร็วเกินกำหนดที่ตั้งไว้ (ตัวรถตั้งไว้ 120 กม./ชม. สามารถปรับเพิ่มได้) เตือนรถอยู่ในเลน ซึ่งแสดงทั้งเสียงและสั่นพวงมาลัย รวมถึงช่วยดึงพวงมาลัยให้ตัวรถกลับมาอยู่ในเลน ซึ่งมีการดึงพวงมาลัยค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะบางจังหวะที่มีรถตามมาด้านหลัง บางครั้งอาจดึงกลับมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ แต่บางครั้งพี่ก็ดึงแรงไปนะ

อีกจุดที่เราว่าเป็นปัญหาคือระบบรีเจนพลังงานกลับสู่แบตฯ ของ Omoda C 5 EV คือสามารถปรับตั้งค่าได้ว่า จะให้ดึงต่ำ ปานกลางหรือสูง แต่การปรับระดับปานกลางและสูงจะมีการรีเจนที่ค่อนข้างหน่วงและช้ากว่าจังหวะที่เรายกเท้าออกจากคันเร่งประมาณ 2 วินาที ทำให้ตัวรถมีอาการกระชาก และทำให้มึนหัวได้ถ้ายกคันเร่งบ่อยครั้ง แต่ถ้าปรับระดับการรีเจนต่ำยังพอขับแบบปล่อยไหลได้อยู่

ส่วนเรื่องการกินไฟ Omoda C 5 EV เราลองขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. มีจังหวะรถติดและเร่งแซงตามปกติ มีโหมดขับขี่ให้เลือก 3 โหมด ทั้งรูปแบบโหมด Eco ขับขี่แบบประหยัด Normal ขับขี่ทั่วไป และโหมด Sport ที่มีความปรู๊ดปร๊าดขึ้น ตอบสนองได้ดีขึ้น แต่ทั้งหมดแล้วกินไฟระดับ 16-18 kWh/100km เมื่อคำนวนตามจริงแล้วจะขับขี่ได้ประมาณ 380 กม. ถือว่าใกล้เคียงกับตัวเลขบนหน้าจอที่แสดงผลตอนแบตเตอรี่เต็มไว้ที่ระยะประมาณ 400 กม. แต่เคลมไว้ 500 กว่ากม. เชียวนะ

OMODA C5 EV รุ่น Long Range Plus ราคา 899,000 บาท มีให้เลือก 3 สี Lunar White, Space Black และ Mercury Grey  และ Long Rang Ultimate ราคา 949,000 บาท มีให้เลือก 5 สี Lunar White (Black Roof), Space Black, Mercury Grey, Volcanic Red และ Mint Green (Black Roof)