Our score
8.7

รีวิว Tesla Model 3 RWD ขับสบาย ช่วงล่างแน่น กล้องชัด เกียร์ในจอ ใช้ง่ายกว่าที่คิด

จุดเด่น

  1. ใช้งานง่าย อัตราเร่งดี ช่วงล่างเฟิร์ม
  2. เบาะนั่งสบาย พร้อมระบบเป่าลมและอุ่นร้อน
  3. มีหน้าจอเล็กและปรับอากาศแยกโซนให้ที่นั่งแถวหลัง

จุดสังเกต

  1. ปรับอัตราการรีเจนพลังงานไม่ได้ ตัองอาศัยความคุ้นชิน
  2. ระบบเกียร์อยู่ในจอ แม้จะใช้งานง่าย แต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน
  • รถใช้งาน ที่มีทุกอย่างพร้อม ติดเรื่องปรับการรีเจนไม่ได้

    8.7

ในที่สุดเราก็มีรีวิว Tesla เสียที ซึ่งเป็นรุ่น Model 3 RWD ในเวอร์ชัน HW 4.0 ที่มีราคาขายในประเทศไทยอยู่ที่ 1,599,000 บาท รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ย้ายเกียร์ไปไว้ในจอหมดแล้ว พร้อมปุ่มไฟเลี้ยวที่พวงมาลัย ระบบต่าง ๆ ของตัวรถสามารถเลือกปรับและควบคุมได้ผ่านจอดิจิทัลทั้งหมด รวมถึงการปรับเบาะสีขาวให้รู้สึกใหม่หมดทั้งคัน แถมทาง Tesla ประเทศไทยบอกว่ารุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ยังเป็นรุ่นขายดีที่สุดของ Model 3 อีกด้วย

ดีไซน์

Tesla Model 3 ตัวถัง Model 3 ไปอัปเกรดร่างให้ลีนขึ้น เฉี่ยวขึ้นเยอะ มาพร้อมไฟหน้าและไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ให้มีความรู้สึกโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ด้านใต้ฝากระโปรงหน้ามีพื้นที่เก็บสัมภาระค่อนข้างใหญ่ ฝากระโปงท้ายเปิดได้สูงทีเดียว เก็บของได้ค่อนข้างมาก ประตูก็มีการปรับปรุงให้พิ่มความแข็งแรงมากขึ้น

ภายในห้องโดยสารค่อนข้างกว้างขวาง มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่ลดปุ่มให้เหลือเพียงพอกับการใช้งาน ฝั่งซ้ายเป็นปุ่มควบคุมไฟเลี้ยวและเปิดไฟสูง พร้อมลูกกลิ้งปรับเพิ่มลดเสียง ส่วนฝั่งขวาเป็นกล้องมองภาพ Tesla Vision 360 องศา ที่เขาปรับความละเอียดสูงสุด 5 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ยังมีปุ่มเปิดระบบขับขี่อัตโนมัติ FSD (เลือกได้ว่ากด 1 หรือ 2 ครั้ง) พร้อมด้วยที่ปัดน้ำฝนหลังและปุ่มสั่งการด้วยเสียง

ตัวรถให้หน้าจอดิจิทัลขนาดใหญ่ ที่ใช้ควบคุมเกือบทุกอย่างของตัวรถ Tesla Model 3 และยังให้หน้าจอขนาด 8 นิ้ว (เฉพาะ Model 3 อัปเกรดใหม่) พร้อมที่ปรับอากาศแยกโซนแก่ที่นั่งแถวหลังด้วย จุดเด่นของระบบอินโฟเทนเมนต์ของ Tesla คือให้ความบันเทิงมาเต็มรูปแบบ ทั้ง Netflix, YouTube และ Tidal ล็อกอินไว้ใช้งานบนรถได้เลย

ส่วนที่ชอบอีกอย่างคือเบาะที่นั่งที่เขาปรับมาใหม่ โดยใช้วัสดุหนังวีแกนให้ความรู้สึกนุ่มฟู มาพร้อมระบบปรับอากาศและอุ่นร้อนสำหรับผู้โดยสารแถวหน้า โดยเฉพาะตัวเลือกเบาะสีขาว ที่ทำให้ดูพรีเมียมขึ้นและดูสะอาดสะอ้านมากขึ้น แต่หลายคนอาจกังวลเรื่องการดูแลรักษา แต่ทาง Tesla เคลมว่าเบาะรุ่นนี้ทำความสะอาดง่าย ใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ และใช้ผ้าเช็ดได้เลย

สมรรถนะ

Tesla Model 3 เป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 57.5 kWh ที่สามารถขับขี่ได้สูงสุด 513 km (มาตรฐาน WLTP) และทำความเร็วได้สูงสุด 201 km/h อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.1 วินาที รองรับการชาร์จ DC 170 kW เมื่อใช้งานร่วมกับ Supercharger โดยชาร์จเพียง 15 นาที ก็สามารถขับขี่ได้มากกว่า 282 km เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในรุ่น Long Range ที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ จะขับได้ไกลขึ้นเป็น 629 km และอัตราเร่งใน 4.4 วินาทีเท่านั้น

การทดสอบครั้งนี้เราเองไม่ได้ลองเหยียบเท่าไหร่ เพราะเป็นการขับขี่บนถนนทั่วไป และไม่ได้มีเวลาให้ไปทดสอบการชาร์จว่าสามารถรองรับไฟได้ถึง 170 kW ได้ตลอดเวลาชาร์จไหม แต่เรื่องอัตราเร่งเวลาขับขี่ในเมืองค่อนข้างคล่องตัวเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อใช้งานควบคู่กับโหมดพวงมาลัยแบบ Sport (หรือแบบหนัก) สำหรับคนที่ชอบการควบคุมรถที่พวงมาลัยหนักๆ น่าจะยิ่งตอบสนองได้เร้าใจยิ่งขึ้น

การขับขี่

การขับขี่ Tesla Model 3 ในเมืองระยะเวลา 1 วันเต็ม ๆ พบว่ามีอัตรากินไฟที่ค่อนข้างประหยัดเลยทีเดียว โดยเราขับขี่ไปประมาณ 50 km เหมือนขับไปกลับที่ทำงาน พบว่ามีอัตรากินไฟอยู่ที่ 11-13 kW/ 100 km หากคิดจากปริมาณแบตเตอรี่ 57.5 kWh จะสามารถขับขี่ได้จริงประมาณ 440 km ซึ่งก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานในเมือง ขับรถไปทำงานในระยะไม่เกิน 100 km กลับมาชาร์จที่บ้านได้ หรือชาร์จเพียง 3-4 วันต่อครั้ง ถือว่าเป็นหนึ่งในรถ EV ที่มีอัตรากินไฟต่ำมาก ๆ ในตลาดตอนนี้ แม้จะยังไม่ใช่เทคโนโลยีแบต 800V ก็ตาม

โดยรวมเราว่า Tesla Model 3 เป็นรถที่ใช้งานง่ายกว่าที่คิด ตอนแรกคิดว่าการย้ายตำแหน่งเกียร์ออกไปจะเป็นปัญหา แต่ตัวรถเรียนรู้ได้ตั้งแต่ตอนเหยียบเบรก (กล้องจะจับวัตถุรอบคันและเลือกเกียร์ที่เหมาะสมให้พร้อมใช้งานทันที) หรือหากต้องการถอยจอดก็สามารถเหยียบเบรก ปัดหน้าจอเป็นเกียร์ถอยหลัง (ปัดลง) และเหยียบคันเร่งถอยได้ตามปกติ ซึ่งเขาก็มีตัวเลือกในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ถนัดใช้งานบนหน้าจอจริงๆ สามารถกดปุ่มด้านบนกระจกมองหลัง ซึ่งเขาทำเป็นเกียร์แบบสัมผัสไว้ให้เรียบร้อย รวมถึงปุ่มจอดฉุกเฉินด้วย

อีกอย่างเรื่องไฟเลี้ยวในตำแหน่งพวงมาลัยด้านซ้าย เราว่าค่อนข้างใช้งานง่าย ไม่ต้องเอื้อมนิ้วไปกดด้านหลังเหมือนรถทั่วไป สามารถใช้นิ้วโป้งกดได้ง่ายเลย แถมเปิดไฟเลี้ยวแล้วจะมีกล้องมองภาพในทิศทางนั้น ๆ แสดงบนหน้าจอเล็ก ๆ อีกด้วย ส่วนด้านขวาก็มีระบบขับขี่อัตโนมัติและกล้องรอบคันให้ใช้สะดวกแบบเท่าที่จำเป็นจริงๆ เราลองทดสอบระบบ FSD ก็พอใช้งานได้ แม้จะมีอาการงงเวลาขับขี่ทับเส้นถนนที่ทับซ้อนกันบ้าง (จนพวงมาลัยหักหลบเส้นอัตโนมัติ)

ส่วนที่เสียดายก็มีเรื่องการปรับอัตราการรีเจนพลังงานไม่ได้ มีให้ปรับแค่การออกตัว (ชิลหรือมาตรฐาน) และการตอบสนองของพวงมาลัย (เบา มาตรฐานและหนัก) ทั้งนี้เมื่อปรับรีเจนไม่ได้ ก็ต้องอาศัยความคุ้นชินในการขับขี่ ที่ทำได้เหมือน One Pedal เลย คือช่วยชะลอความเร็วจนถึงหยุดนิ่ง เมื่อคุ้นชินแล้วสามารถใช้แป้นคันเร่งแป้นเดียวแทนเบรกได้เลย โดยรวม Tesla Model 3 ทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว สมกับชื่อ Tesla จริง ๆ