ในวันนี้นอกจากภาษาไทยที่ใช้พูดกันแล้ว ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ที่เป็นภาษาที่สองที่สามคงไม่พอ เรากำลังพูดไปถึงภาษาที่ 4 ซึ่งเป็นภาษา Coding นี่เป็นเหตุผลที่ว่าวันนี้ผมจึงพาลูก ๆ มาเรียนกับหุ่นยนต์!
สวัสดีครับตอนนี้เราอยู่กันที่ RobotLAB Thailand สถาบันการศึกษาวิทยาการหุ่นยนต์ที่ใหม่และดีที่สุด สาขาแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ Siamscape ชั้น 9
ลูกๆ ของผมชื่นชอบเกี่ยวกับหุ่นยนต์อยู่แล้ว แต่วันนี้จะไม่ได้มาเล่นหุ่นยนต์อย่างเดียว เพราะที่นี่เขาสอนเรื่อง AI Robotics และ Coding ผ่านหุ่นยนต์แม้แต่เด็กก็ทำได้ เปลี่ยน ‘จินตนาการสู่จริงตนาการ’ ที่ RobotLAB Thailand แห่งนี้ มาดูกันว่าอยู่นี่กับมานี่จะได้เรียนรู้อะไรบ้าง ใครชอบหุ่นยนต์ไปดูกันเลย!
รู้ไหมว่า RobotLAB Thailand ได้แรงบันดาลใจมาจากอะไร? เห็นจากทางเข้าโดมใหญ่ขนาดนี้ก็อาณานิคมอวกาศล่ะสิ! RobotLAB Thailand ก่อตั้งโดย บริษัท ออลล์ เวลเนส จำกัด ในกลุ่ม ซีพี ออลล์ ร่วมมือกับ RobotLAB สถาบันการศึกษาวิทยาการหุ่นยนต์จากอเมริกา ที่ให้บริการแก่โรงเรียน มหาวิทยาลัยและหน่วยงานราชการกว่า 15,000 แห่งทั่วโลก
ภายในบริเวณนี้เราจะได้พบเห็นหุ่นยนต์ในชีวิตประจำวันต่าง ๆ
- หุ่น temi แจกโบว์ชัวร์
- หุ่น Canbot ช่วยเสิร์ฟน้ำคุณพ่อคุณแม่ ที่มาคอยลูก ๆ
- หุ่น Richy สวัสดีแขกที่เข้ามา เพื่อให้เด็กคุ้นชินกับบรรยากาศของเทคโนโลยีและการเรียนรู้แบบ activity based learning ตลอดเวลา
ผมกำลังเดินผ่านอุโมงอวกาศจำลอง เชื่อมต่อไปสู่บรรยากาศการเรียนการสอนของ RobotLAB Thailand ที่รวบรวมหุ่นยนต์ระดับโลกไว้มากมาย วันนี้ใครอยากเรียนกับหุ่นตัวไหนบ้าง ไปดูกันเลย!
การเรียนการสอนของ RobotLAB Thailand มี Education Roadmap สำหรับเด็กที่มีความสนใจเรื่อง AI Robotics และ Coding ผ่านหุ่นยนต์ที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่ 4 ขวบจนถึง 15 ปีขึ้นไป
เพราะทุกวันนี้การเรียนภาษาไม่ได้จำกัดอยู่ที่ภาษาพูดของมนุษย์เท่านั้น ภาษา Coding ถือเป็นหลักสูตรใหม่ที่เป็นพื้นฐานของหลักสูตรวิทยาการคำนวณ ที่สามารถต่อยอดและเข้าใจสิ่งรอบข้างได้มากขึ้น รวมถึงสอดแทรกจินตนาการของเด็กลงไปได้ เด็ก ๆ จะได้คิดและแก้ปัญหาผ่านสถานการณ์จำเพาะหรือเกมต่าง ๆ โดยมีหุ่นยนต์เป็นสื่อกลาง
คอร์สเรียนของ RobotLAB Thailand เปิดให้เรียนเป็นกลุ่ม โดยคุณครูที่เรียนจบมาจากสาย Robotic โดยตรงและมีประสบการณ์แชมป์หุ่นยนต์ระดับโลกมาแล้ว
หากใครฟังแล้วนึกภาพไม่ออกว่าเขาเรียนกันยังไง ตามผมไปดูการเรียนการสอนของที่นี่กันเลยว่า เขาเรียนอะไร และมีหุ่นยนต์น่าสนใจอะไรบ้าง ทั้งนี้ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เขาเปิดให้เรียนเพียงกลุ่มละไม่เกิน 4 คนเท่านั้น แบ่งคอร์สเป็น 4 เลเวล ได้แก่
Level1: Tangible Coding สำหรับเด็กอายุ 4-7 ปี
- Tangible Coding ถูกออกแบบมาเพื่อเด็กเล็กโดยเฉพาะเป็นการเรียนจากการลงมือปฎิบัติ เน้นกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล ผ่านการหยิบจับและต่อชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาคอมพิวเตอร์
- เรียนกับหุ่น Cubelets รูปแบบบล็อก สอดแทรกแนวคิดเรื่อง sense / think / act หรือการรับรู้ ประมวณผลและแสดงออกของหุ่นยนต์ ซึ่งเป็นพื้นฐานของหุ่นยนต์ทุกประเภท
- สอนให้เด็กเรียนรู้ทักษะและหลักการเขียนโปรแกรมจากการปฏิบัติ โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องอ่านออกเขียนได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องความรู้ด้านภาษา เด็กสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์และแก้ปัญหา โดยอาศัยหุ่นยนต์มาเป็นสื่อกลางการเรียนรู้ รวมถึงต่อยอดไปสู่การเขียนโปรแกรมในอนาคตได้
- หุ่น Cubelets เป็นประสบการณ์เรียนรู้แบบ Play-Base Learning กิจกรรมต่าง ๆ ในคลาสจะทำให้การเรียนเป็นเรื่องสนุก ทำให้ดึงดูดผู้เรียนเกิดความอยากเรียนรู้และดึงดูดเด็กที่มีสมาธิสั้นได้ด้วย
Level2: Block-Based Coding: สำหรับเด็กอายุ 8-11 ปี
เรียนรู้การเขียนโปรแกรมและออกแบบโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์รูปแบบต่าง ๆ ผ่านโปรแกรม Blockly โดยนำบล็อกคำสั่งมาเรียงต่อกันคล้ายจิ๊กซอว์ และสั่งการหุ่นยนต์ทีละคำสั่ง เด็กจะได้ฝึกคิด วางแผนและทำงานเป็นทีม ผ่านการสั่งการหุ่นยนต์ให้ปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ
- Dash & Dot เรียนพื้นฐานการเขียนโปรแกรมแบบ Blockly ใช้คำสั่งพื้นฐานในการควบคุมแสง เสียง และการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ ได้ฝึกการคิดเชิงตรรกะและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
- Kai’s clan มีจุดเด่นในการเรียน Coding ผ่านแผนที่จำลองสถานการณ์และภารกิจ สร้างความสนุกและน่าสนใจผ่าน AR และ VR รวมถึงมีการฝึกทำงานร่วมกันเป็นทีมด้วย พ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกๆ เตรียมตัวสำหรับ metaverse เจ้าหุ่นตัวนี้ เหมาะสำหรับการเริ่มต้นเลยทีเดียว
- Zumi รถยนต์คันจิ๋ว ที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้เรื่องระบบรถยนต์ไร้คนขับ และ AI ระดับพื้นฐานที่จะทำให้เข้าใจการทำงานของ Autonomous car แบบเข้าใจง่ายและสนุกไปพร้อม ๆ กัน
- Marty เป็นหุ่นยนต์ Humaniod ที่ออกแบบมาให้เรียนรู้ได้ง่าย แข็งแรง มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์ ให้เด็กเข้าใจหลักการพื้นฐานของหุ่น humaniod มีกิจกรรมที่ได้ฝึกควบคุมหุ่น เช่น เดิน เต้น แสดงอารมณ์ หรือเตะลูกบอล ได้
Level3: Advanced Robotics Programming : สำหรับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป
เด็กจะได้ฝึกพื้นฐาน ด้านวิศวกรรมและ AI Robotics เรียนรู้การต่อประกอบของหุ่นยนต์ และการเขียนโปรแกรมเพื่อสั่งการหุ่นยนต์ รวมถึงใช้ความคิดสร้างสรรค์ประกอบหุ่นยนต์จริง ๆ ได้เห็นสิ่งที่ตัวเองทำขยับได้จริง
- Bioloid STEM / Premium เป็นการเรียนรู้ที่เน้นการต่อประกอบหุ่นยนต์ เรียนรู้การควมคุมมอเตอร์และเซ็นเซอร์ หลายตัวในเวลาเดียวกัน เพื่อต่อยอดไปสู่หุ่นยนต์ humanoid ได้
Level4: AI Robotics : สำหรับเด็กอายุ 15 ปีขึ้นไป
- สอนให้เด็กเข้าใจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากขึ้น ว่า AI Robotics มีองค์ประกอบอะไรและทำงานอย่างไร รวมถึงเรียนรู้อะไรจากมนุษย์บ้าง เช่น การใช้กล้องความละเอียดสูงตรวจจับวัตถุหรือใบหน้า แล้วแสดงผลทางอารมณ์ออกมาผ่านหน้าจอ หรือการสั่งการด้วยเสียง การเข้าใจภาษามนุษย์
- สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย เช่น ตรวจจับสิ่งของ ทำนายอายุผู้เรียน ไปจนถึงสั่งให้หุ่นยนต์เต้นตามจังหวะเพลงได้ ร่วมกับหุ่นยนต์อัจฉริยะ NAO และ Misty II
- Misty : หุ่นยนต์ขนาดเล็กที่ภายในไม่เล็ก เจ้า Misty II มี AI ให้เรียนรู้และฝึกฝนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้าน face recognition, image processing, การทำแผนที่และการนำทางด้วย enhance SLAM
- Nao Robot: เป็น Humanoid Robot เต็มรูปแบบ สามารถเรียนรู้การเขียนโปรแกรมได้ทั้งรูปแบบทั้ง Blocky และ Python ร่วมกับการใช้เทคนิคชั้นสูงในการควบคุมหุ่นยนต์ไม่ว่าจะเป็นการเขียน โปรแกรมให้หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับ sensor ต่างๆภายในตัว หรือใช้ AI มาช่วยในเรื่องการจดจำใบหน้า รอยยิ้ม หรือ อ่าน marker เพื่อให้สามารถ ทำงานได้ตามชุดคำสั่งที่ได้มีการจัดเตรียมไว้
ข้อสังเกต
แม้จะเป็นคอร์สสำหรับเด็กเล็ก แต่ทั้งนี้เด็ก ควรมีพื้นฐานภาษาอังกฤษเบื้องต้น เพื่อความเข้าใจในหลักสูตร แม้ที่นี่จะเน้นการปฏิบัติ แต่ชุดคำสั่งในโปรแกรมล้วนเป็นภาษาอังกฤษ
รีวิวที่ดีต้องมีราคา
- คอร์สเริ่มต้นสำหรับเด็กเล็ก อายุ 4-11 ปี ราคาเริ่มต้น 3,900 บาท ชั่วโมงเริ่มต้นตั้งแต่ 6 ชม.
- คอร์สสำหรับเด็กโต อายุ 12-15 ปีขึ้นไป ราคาเริ่มต้น 13,000 บาท ชั่วโมงเริ่มต้นตั้งแต่ 15 ชม.
ติดตามรายละเอียดของคอร์สและโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ทางเพจ RobotLAB Thailand
สำหรับพ่อแม่ที่อาจกังวลใจเรื่องโควิด-19 ต้องบอกว่ามั่นใจและปลอดภัยแน่นอนครับ เพราะเขามีตรวจ atk ก่อนเรียน และฆ่าเชื้อหุ่นยนต์ก่อนและหลังเรียนทุกครั้ง
เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าการศึกษาที่ดีมีผลกับเด็กมากแค่ไหน แล้วจะดีกว่าไหม ถ้าเด็ก ๆ ได้เรียนรู้กระบวนการคิดและแก้ปัญหาตั้งแต่เด็ก ด้วยสื่อการเรียนรู้อย่างหุ่นยนต์ ทำให้การเรียนเป็นเรื่องไม่น่าเบื่ออีกต่อไป นี่แหละครับการเรียนรู้เพื่ออนาคตอย่างแท้จริง