ความสำคัญของคาร์ซีท 

คาร์ซีตถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้สำหรับเด็ก เพราะการใช้เข็มขัดนิรภัยกับเด็ก ไม่ได้จัดตำแหน่งร่างกายเด็กไว้ได้อย่างเหมาะสมและไม่รองรับแรงกระแทก ทั้งนี้ Airbag คู่หน้าเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และถูกออกแบบมาให้ใช้ปกป้องผู้ใหญ่ ที่มีพัฒนาการกระดูกสันหลัง คอ และศีรษะที่เต็มวัยแล้ว การให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี นั่งในตำแหน่งดังกล่าว อาจะเกิดการกระแทกอย่างรุนแรงโดยตรงต่อตัวเด็ก หรือต่อ คาร์ซีท ด้วยเหตุนี้คาร์ซีตถูกออกแบบมาเป็นพิเศษจึงเหมาะกับเด็กมากกว่าเพราะด้วยระบบการล็อกและสรีระที่เข้ากันทำให้เกิดความปลอดภัยมากกว่าเข็มขัดนิรภัยแบบทั่วไป 

กฏหมายบังคับใช้ในไทย ประกาศเมื่อ 7 พ.ค. 2565

ล่าสุดมีประกาศจากราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เกี่ยวกับ พ.ร.บ.จราจรทางบก โดยเนื้อหาสำคัญคือให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ปีต้องนั่ง ‘คาร์ซีต’ ห้ามอุ้มนั่งตักเด็ดขาด ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท ผู้โดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด โดยพ.ร.บ.นี้มีผลใช้บังคับในอีก 120 วันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทำให้คนสนใจและมองหาคาร์ซีทเพื่อใช้งานกับลูกหลานมากขึ้น คาร์ซีทมีหลายราคา ทุกท่านก็สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมคล้ายกับการเลือกซื้อรถยนต์ แต่บนพื้นฐานที่จะต้องมีความปลอดภัย เพราะจุดประสงค์นั่งก็คือเพื่อความปลอดภัย ไม่ได้นั่งเพื่อให้ไม่โดนตำรวจจับ เท่านั้น 

ราคาและการเลือกซื้อ

คาร์ซีทมีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น ทำให้บางคนมีคำถามว่าทำไมราคามันจึงต่างกันขนาดนั้น? จริง ๆ แล้วการนั่งคาร์ซีทสิ่งสำคัญคือความปลอดภัยของเด็ก ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเข็มขัดเพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุ การที่หลุดออกยากทำให้การประคองลูกอยู่ในเบาะนั่งนิรภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพือไม่ให้กระแทกกับส่วนประกอบอื่น ๆ ของรถยนต์ ดังนั้น ควรจะคำถึงตรงนี้เป็นสำคัญ ไม่ใช่ถูกที่สุดอย่างเดียว นอกเหนือจากเข็มขัด รองลงมา คือ ส่วนป้องกันศีรษะ ด้านบน เพื่อป้องกันแรงเขย่าแรงกระแทกเวลาเกิดอุบัติเหตุส่วนศีรษะ 

สำหรับการเลือกซื้อคาร์ซีทมาใช้งานนั้น แค่สินค้าที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้เราจะต้องติดตั้งให้ถูกต้องด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคาร์ซีทมีการติดตั้งแบบการนั่งเข้าหาเบาะ ซึ่งเป็นวิธีดีที่สุดอยู่แล้ว แต่โดยธรรมชาติของเด็ก ส่วนใหญ่ ชอบหันหน้าให้เหมือนพ่อแม่ อย่างเรา ๆ ดังนั้น เวลาไหนควรจะเหมาะกับเค้า ขั้นต่ำ ๆ คือ 1 ขวบ ต้นคอแข็งแรงแล้ว ก็จะปลอดภัยกว่าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบ และหันหน้าออก สาเหตุที่ต้องทำอย่างนี้เป็นเพราะการหันหน้าออกจากเบาะเวลาที่เกิดแรงกระแทกแรง ๆ คอเด็กจะถูกกระชากไปข้างหน้าและกลับอย่างรวดเร็ว จะส่งผลให้คอเด็กมีปัญหาได้ เนื่องจากกระดูกต้นคอยังอ่อนอยู่

ประเภทของคาร์ซีต

  1. Infant Carrier Seats

คาร์ซีตสำหรับทารกออกแบบมาสำหรับทารก สามารถใช้ได้กับเด็กทารกตั้งแต่ 6 เดือน จนถึง 2 ขวบหรือถึงขีดจำกัดน้ำหนักของคาร์ซีท โดยคาร์ซีตประเภทนี้ได้รับการออกแบบให้นั่งในรถในตำแหน่งที่หันไปทางด้านหลังเท่านั้น

คาร์ซีตสำหรับทารกสามารถใช้ได้นาน 6 ถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับอัตราการเติบโตของทารกและขนาดของคาร์ซีต เพราะเด็กบางคนโตเร็วกว่าคาร์ซีตอีก สำหรับวิธีแก้ปัญหาเมื่อเด็กมีน้ำหนักหรือส่วนสูงถึงขีดจำกัดของคาร์ซีตแล้ว ก็เปลี่ยนไปใช้คาร์ซีตประเภทอื่นที่ออกแบบมาสำหรับทารกและเด็กเล็กที่มีอายุมากกว่า

  1. Convertible car seats

คาร์ซีตแบบปรับเปลี่ยนได้สามารถหันหน้าหันหลังได้ตามต้องการ ใช้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงน้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม คาร์ซีตประเภทนี้อาจมีราคาที่ค่อนข้างสูงแต่สามารถใช้ประโยชน์ได้นานและคุ้มค่า ข้อเสียของคาร์ซีตแบบปรับเปลี่ยนได้คือไม่สามารถเคลื่อนย้ายและไม่สามารถใช้เป็นเป้อุ้มเด็กได้ เพราะไม่มีฐานและไม่สามารถเคลื่อนย้ายจากรถคันหนึ่งไปอีกคันได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้ปกครองบางคนพบว่าที่นั่งที่ใหญ่กว่านี้ยากต่อการใช้งานสำหรับทารกตัวเล็ก แม้ว่าที่นั่งขนาดใหญ่จะให้ความรู้สึกปลอดภัย

  1. 3-In-1 Seats

คาร์ซีตแบบ All-in-one หรือเบาะนั่งแบบ 3-in-1 มีลักษณะคล้ายคลึงกับเบาะรถยนต์แบบเปิดประทุน ข้อดีของเบาะนั่งแบบนี้คือ ซื้อเพียงครั้งเดียว เพราะมันมีขนาดใหญ่และสามารถใช้กับเด็กไปได้นานจนกว่าเด็กจะสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยได้

  1. Booster Seat

บูสเตอร์คาร์ซีตสำหรับเด็กที่นั่งหันหน้าไปข้างหน้าเท่านั้น และมีลักษณะเป็นเบาะเสริมแบบสูง สามารถใช้ได้กับเด็กอายุตั้งแต่ 4-12 ปี น้ำหนักตั้งแต่ 18-36 กิโลกรัมด์ ข้อดีก็คือเบาะเสริมในรถยนต์ประเภทนี้สามารถใช้งานได้จนกว่าเด็กจะโตพอที่จะไม่ต้องการเบาะนั่งประเภทนี้อีกต่อไป เบาะรถยนต์ประเภทนี้มีชุดหัวเข็มขัดและสายรัดมาให้อยู่แล้ว แต่ก็สามารถใช้ร่วมกับเข็มขัดนิรภัยที่มีอยู่ในรถก็ได้เช่นกัน 

ระบบการติดตั้ง

นอกจากจะเลือกคาร์ซีตที่เหมาะสมกับเด็ก ๆ แล้ว ระบบติดตั้งคาร์ซีตก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน อย่างระบบ ISOFIX เป็นระบบติดตั้งคาร์ซีตแบบใหม่ที่ได้รับมาตรฐานจากสากล และมีใช้อยู่ทั่วโลกทั้งในเอเชียและยุโรป ISOFIX เป็นระบบติดตั้งเบาะรถยนต์โดยจะล็อกเบาะรถหรือฐานเบาะเข้ากับคลิปโลหะ 2 จุด (จุดยึด ISOFIX) ระหว่างเบาะรถที่อยู่ในรถ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เข็มขัดนิรภัยอีกต่อไป เพราะระบบติดตั้งคาร์ซีต แบบ ISOFIX เป็นการยึดติดคาร์ซีตด้วยตัวยึด ISOFIX ที่มีความแข็งแรง แน่นหนาตามมาตรฐานสากล โดยปกติมี 2 ระบบ isofix, belt มีความปลอดภัยเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่ความยากง่ายในการติดตั้ง แต่มีข้อสังเกตคือ isofix จะมาพร้อมกับรถที่มีระบบการติดตั้งเฉพาะเท่านั้นซึ่งไม่ได้มีทุกคัน ดังนั้นการเลือกซื้อก็จะต้องดูความเหมาะสมด้วย เช่น รถไม่มี Isofix และไปซื้อแบบ Isofix มาก็อาจไม่เหมาะสมในการติดตั้ง

ISOFIX มีประโยชน์อย่างไร

  • ลดข้อผิดพลาดและความเสี่ยงจากการติดตั้งคาร์ซีตที่ไม่ถูกต้อง
  • สร้างการเชื่อมต่อที่แน่นหนาระหว่างเบาะรถยนต์และตัวรถ เพื่อการปกป้องที่ดีกว่าเดิม
  • ลดโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

ส่วนมาตรฐานของคาร์ซีทนั้น มีหลายประเภท เช่น ที่เราสังเกตและเห็นชัด ๆ คือ ECE R44.04 เป็นต้น โดยสังเกตได้ที่โครงสร้างของตัวคาร์ซีท