หลายคนใช้รถยนต์อาจไม่เคยสนใจยางที่ตัวเองใช้อยู่ ว่ามีผลต่อการขับขี่มากน้อยแค่ไหน วันนี้แพนพามาพิสูจน์ด้วยตัวเองในงาน Michelin Motion For Life Driving and Brand Experience กับยาง Michelin Pilot Sport 5 ยางสปอร์ตที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากมิชลิน ไปชมพร้อมๆ กันเลยว่ามียางที่ดีจะมีผลต่อความปลอดภัยแก่คนในรถแค่ไหน? ขับสนุกขึ้นยังไง?
Michelin Pilot Sport 5 สิ่งแรกที่สะดุดตามากๆ คือแก้มยางที่สวยโดดเด่น ที่มิชลินเรียกว่า แก้มยางแบบ Premium Touch ซึ่งมาจากเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูงของมิชลิน ให้สัมผัสราวกำมะหยี่ ดูโดดเด่นและสวยงามมากๆ ครับ
นอกจากนี้ด้วยสูตรเนื้อยางพิเศษที่ผสานวัตถุดิบของอะรามิด (เส้นใยสังเคราะห์ชนิดหนึ่ง) และไนลอน ทำงานควบคู่กับเทคโนโลยี Dynamic Response ทำงานร่วมกับเข็มขัดรัดหน้ายาง HyBrid Belt ช่วยให้ควบคุมทุกการขับคับเลี้ยวได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูงสุด
มีจุดสังเกตอายุการใช้งานของยางแทนด้วยจุด 3 จุด ให้อ่านค่าความสึกของดอกยางได้ง่าย ๆ กันคนใช้ขับไปนาน ๆ ลืมว่าเปลี่ยนยางครั้งล่าสุดไปเมื่อไหร่ ว่าแล้วก็ไปทดสอบกันเลย
- ด่านแรกสถานี Dry Precision Control ทดสอบยางบนพื้นถนนแห้ง เน้นเรื่องการควบคุมและตอบสนองได้เฉียบคมในสถานการณ์ต่าง ๆ
- ด่านที่สองเป็นสถานี Excellent Wet Performance ทดสอบยางบนพื้นถนนเปียก บังเอิญว่ายางที่เราใช้ทดสอบใกล้หมดดอกพอดี มาดูกันว่าจะเอาอยู่ไหม
Michelin Pilot Sport 5 ดีไซน์ดอกยางคู่ที่ได้แรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ต โดยยางด้านในมีร่องรีดน้ำใหญ่แบบ Groove Clear ตามทิศทางการหมุนของล้อ ช่วยรีดน้ำได้มากและยึดเกาะพื้นเปียกได้ดี ทำงานควบคู่กับดอกขนาดใหญ่ตามแนวยาว
ส่วนดอกยางด้านนอกเป็นดอกยางแข็ง ยึดเกาะได้ดีบนพื้นถนนแห้ง ลดระยะเบรกสั้น แม้ดอกยางใกล้หมดดอกแล้วก็ยังเบรกหนึบ
- สถานีสุดท้ายเป็น Gymkana ทดสอบการควบคุมรถและประสิทธิภาพการยึดเกาะของยางมิชลิน
ประสิทธิภาพของยาง Michelin Pilot Sport 5 เหมาะสมกับรถหลายรุ่น เช่น Honda Civic, Mazda 3 หรือ BMW serie 3 ยางที่ดีนอกจากจะขับสนุกและเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่แล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร ไม่ว่าจะขับขี่อยู่บนพื้นแห้งหรือพื้นเปียก ตั้งแต่วันแรกที่ใช้ จนถึงวันที่เปลี่ยนรอบถัดไป Michelin Pilot Sport 5 ก็เอาอยู่ครับ