คนใช้รถ EV สะดวกยิ่งกว่า วันนี้เราจะไปลองฟีเจอร์ใหม่ของ PEA VOLTA อย่าง “Autocharge” ที่จะทำให้การชาร์จรถ EV ให้ง่ายขึ้นอย่างมาก แค่เสียบสายก็ชาร์จแบตได้ทันที ไม่ต้องยุ่งยากมากดมือถือ! ต้องทำอย่างไร เดี๋ยวผมไป #beartai ให้ดู
โดยจุดที่ผมจะไปวันนี้คือ ปั๊มบางจาก วังน้อย ที่อยู่ตรงถนนพหลโยธินขาออก ไปภาคอีสานครับ และเดี๋ยวนี้สถานีหาค่อนข้างง่ายแล้ว เพราะมีทั้งหมด 73 สถานีอยู่ตามถนนสายหลักใน 42 จังหวัด (โชว์จอให้ดู) และเห็นว่าสิ้นปี 66 PEA มีแผนจะเพิ่มอีก 190 สถานี พอรวมกับของเดิมแล้วจะมีมากถึง 263 สถานี เพื่อรองรับจำนวนรถ EV ที่มากขึ้นด้วย
ในที่สุดก็มาถึง! ต้องบอกว่าฟีเจอร์ Autocharge การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เพิ่งเปิดให้คนทั่วไปใช้ได้แล้ว ในช่วงปลายเดือน 6 หลายคนอาจจะยังไม่รู้เพราะเขายังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีนะครับ เห็นว่ารถ EV ที่ใช้หัวชาร์จแบบ CCS2 สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้เกือบทุกรุ่นเลย
แต่ก่อนจะใช้ฟีเจอร์ Autocharge ได้ ก็ต้องเตรียมตัวสองอย่างก่อนครับ
- อย่างแรกคือ ต้องอัปเดตแอป PEA VOLTA ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อรับฟีเจอร์ใหม่ แต่ถ้ายังไม่มีแอป ก็ไปติดตั้งและลงทะเบียนให้เรียบร้อย
- อย่างที่สองคือ ต้องเปิดโหมดการชาร์จอัตโนมัติ โดยเราจะเปิดได้ที่เมนูข้อมูลผู้ใช้ ในหัวข้อการจัดการบัตรและการชาร์จอัตโนมัติครับ
พอเตรียมตัวเสร็จแล้ว เราก็จะมาผูกหมายเลขของรถ EV เข้ากับบัญชี พูดให้เห็นภาพ ก็เหมือนกับการผูกเลขบัตรประชาชน กับเบอร์โทรศัพท์ เวลาเราเปิดซิมใหม่ เพื่อให้ระบบจำว่าเบอร์นี้เป็นของใครจะได้คิดเงินถูก
โดยวิธีผูกคือ ให้เราเสียบสายชาร์จ และก็สแกน QR หน้าตู้ แล้วกดเริ่มชาร์จครับ พอระบบเริ่มชาร์จ รถจะส่งเลขประจำตัวไปให้ตู้ จากนั้นก็จะส่งต่อไปบันทึกในระบบคลาวด์ ตรงนี้จะต้องรอประมาณ 10 – 20 วินาที แล้วจะมีข้อความเด้งขึ้นมาให้เรากรอกทะเบียนรถ พอกดยืนยัน ก็จะมีข้อความแจ้งขึ้นมาอีกทีว่าบันทึกข้อมูลเรียบร้อย ก็จะสามารถใช้ฟีเจอร์ Autocharge ในครั้งถัดไปได้เลย
จากนั้นระบบคลาวด์ของ PEA VOLTA ก็จะบันทึกไว้ว่า รถคันนี้ผูกกับบัญชีนี้ รอบต่อไปเวลาเสียบชาร์จ ระบบจะจำได้ ฟีเจอร์ Autocharge ก็จะทำงาน ชาร์จแบตให้ทันที โดยที่ไม่ต้องมากดยืนยันที่มือถือเลยครับ (ลองหยุดแล้วเสียบชาร์จอีกรอบ)
ถือว่าสะดวกมาก ๆ เหมือนกับการชาร์จรถ Tesla ในต่างประเทศเลย ผมว่านี่จะเป็นมาตรฐานการชาร์จใหม่ในไทย เพราะนอกจากจะประหยัดเวลา และยังชาร์จได้แม้มือถือจะพังหรือมือถือหายครับ
นี่ครับ เริ่มชาร์จแล้ว หน้าจอบนตู้เราก็จะเห็นข้อมูลว่า รถมีแบตเท่าไร และใช้เวลาชาร์จกี่นาที กว่าจะถึง 80% เสียดายน่าจะมีข้อมูลค่าใช้จ่ายด้วยครับ ถ้ามีจะดีมากเลย เดี๋ยวผมจะปล่อยชาร์จทิ้งไว้แล้วจะมาดูอีกทีครับ
หลายคนคงสงสัยว่าถ้าไม่ใช้มือถือ จะหยุดชาร์จยังไง ตรงนี้สามารถกดหยุดได้ที่หน้าตู้เลยครับ หรือถ้าอยู่ไกลก็กดหยุดผ่านแอปพลิเคชันได้เหมือนกันครับ แล้วระบบก็จะสรุปค่าใช้จ่าย จากการชาร์จ และก็ตัดเงินในบัญชีของเราให้อัตโนมัติ ซึ่งเราดูยอดใช้จ่ายได้ครับ นอกจากนี้ยังดูประวัติย้อนหลังได้ 1 ปีด้วยนะ ทั้งการเติมและการจ่าย
เมื่อได้ลองชาร์จกันไปแล้ว ทีนี้จะมาพูดถึงข้อสังเกตของระบบ Autocharge กันบ้างครับ กองบรรณาธิการแบไต๋ให้ความเห็นว่า ยังขาดระบบตัดเงินผ่านบัตรเครดิต และมีข้อจำกัดคือหนึ่งบัญชีจะเชื่อมกับรถ EV ได้หนึ่งคันเท่านั้นครับ ใครมีรถ EV คันที่สอง หรือคันที่สาม ก็ต้องชาร์จด้วยวิธีปกติครับ
โดยเราก็ได้แจ้งข้อสังเกตนี้ไปยังผู้พัฒนาแล้ว และได้คำตอบว่าเขาจะเร่งปรับปรุงในเร็ว ๆ นี้ และเรายังได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาอีกว่า จะมีการพัฒนา PEA VOLTA Platform ออกมาเพื่อเชื่อมหลาย ๆ ผู้ให้บริการเข้าด้วยกัน ทำให้การชาร์จรถ EV สะดวกขึ้นด้วย เช่น ระบบ EV Roaming ที่ผู้บริการจะแชร์ข้อมูลกัน ทำให้สามารถใช้แอปชาร์จข้ามค่ายกันได้ ซึ่งน่าจะช่วยแก้ Painpoint เรื่องที่ต้องมีแอปติดเครื่องไว้เยอะ ๆ ได้เลยครับ พูดให้เห็นภาพก็เหมือนเอาบัตร ATM ไปกดเงินตู้ไหนก็ได้ ก็จะสะดวกประมาณนี้ครับ
สำหรับคนที่ขับรถ EV แล้วสนใจอยากจะลองฟีเจอร์ใหม่ Autocharge ของ PEA VOLTA แบบผม ก็สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งจาก QR Code ที่ผมขึ้นไว้ให้ พร้อมกับลิงก์ในแคปชันนะครับ ไปลองกันเลย!