นี่คือเครื่องซักผ้า Haier Self-Cleaning Series ฝาบน รุ่น HM150-B1978S8 ขนาด 15 กิโลกรัมนั่นเอง แล้วเครื่องซักผ้าของ Haier เขาจะเจ๋งขนาดไหน เกี่ยวอะไรกับการล้างถังซัก วันนี้เรามาแบไต๋กันครับ
ปกติแล้วเวลาที่เราใช้เครื่องซักผ้าของเราเนี่ย เห็นถังซักที่ดูเหมือนจะสะอาดอยู่จากที่ตาเราเห็น แต่จริง ๆ แล้ว ความสกปรกตกค้างจากการซักผ้าแต่ละครั้งมันไปอยู่ถังซักรอบนอก ตรงที่เรามองไม่เห็นต่างหาก และนี่คือสาเหตุที่ทำให้การซักผ้าในครั้งต่อ ๆ ไป ผ้าก็ไม่สะอาดอย่างที่เคย มีคราบหลุดมาเปื้อนเสื้อผ้าบ้าง ทำให้เราไปเผลอโทษผงซักฟอกบ้าง น้ำยาปรับผ้านุ่มบ้าง ทั้งที่จริง ๆ แล้วความสกปรกของถังซักผ้านี่แหละคือต้นตอหลักของคราบสกปรกบนเสื้อผ้า
แล้วถังซักผ้าเนี้ย มันจะมีรูระบายรอบถังซัก ถ้าถังซักด้านนอกสกปรก คราบต่างๆ มันก็จะไหลย้อนกลับมาทางช่องทางนี้ทุกครั้งที่ซักผ้า ทำให้มีโอกาสที่คราบสกปรก คราบผงซักฟองตกค้างติดผ้ากลับมา ยิ่งถ้าปล่อยให้คราบสกปรกอยู่รอบนอกถังซักเป็นเวลานาน ไม่เคยล้างถังซักเลย ก็ยิ่งเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย เชื้อโรค และสิ่งสกปรก ยิ่งถังซักไม่สะอาด ก็ยิ่งทำให้ผ้าไม่สะอาด บางทีมีกลิ่นอับติดกลับมาอีก
ซึ่งปัจจุบันก็มีวิธีการล้างถังซักต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผงเบกกิงโซดา น้ำส้มสายชู แอมโมเนีย หรือแม้กระทั่งผงล้างถังซัก ซึ่งก็จะเป็นสารเคมีที่ทำมาเพื่อล้างถังซักผ้าเป็นพิเศษ
วิธีการล้างถังซักต่าง ๆ ที่ผมกล่าวมาเนี่ย ดูจะเป็นวิธีที่ทั้งยุ่งยาก และหาของมาล้างถังซักได้ยากด้วยครับ หรือถ้าจะต้องไปจ้างเขาล้างถังซัก ก็จะต้องใช้เวลานาน กว่าจะเรียกช่าง กว่าจะให้เขามาล้าง แล้วยังเสียค่าล้างถังซักเป็นราคาหลักพันอีกด้วยนะครับ
ตรงนี้แหละครับที่ทาง Haier เขาเข้ามาแก้ไขปัญหาตรงนี้ เนื่องจากเครื่องซักผ้า Haier Self-Cleaning Series เนี่ย เขามี Self-Cleaning Technology ซึ่งมี Smart Ball ที่ช่วยทำความสะอาดถังซักทุกครั้งที่ซัก ป้องกันคราบตกค้างจากการซักได้อีกด้วยครับ อ้าวแล้ว Smart Ball นี่มันคืออะไรกันละครับนั่น
เจ้า Smart Ball คือลูกบอลยางสีฟ้า ที่แทรกอยู่ถังซักรอบนอก หรือข้าง ๆ ของถังซักนี่แหละครับ มีอยู่ถึง 20 ลูกเลยนะครับ ซึ่งหลังจากปล่อยน้ำเข้าไปในถังซัก ลูกบอลนี้จะทำการล้างถังซักไปด้วย แล้วก็หมุนไปพร้อม ๆ กับการซักผ้าในแต่ละรอบเลยด้วยครับ ดังนั้นพอเราซักผ้าเสร็จในแต่ละรอบ เครื่องซักผ้าก็ล้างตัวมันเองไปด้วยจนเสร็จเรียบร้อยเลยนั่นเองครับ
โดยเจ้าลูก Smart Ball เนี่ย จะมีสารเคลือบเพื่อป้องกันแบคทีเรียอยู่ ซึ่งสารนี้ได้รับการรับรองจาก VDE Testing and Certification Institute ซึ่งเป็นสถาบันที่รับรองมาตรฐาน ทดสอบความปลอดภัยของสินค้า ของเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องมือในงานไฟฟ้า จากประเทศเยอรมนี ว่าสามารถช่วยขจัดสิ่งสกปรกได้ และทาง Haier เขาเคลมว่า Smart Ball นี้มีอายุการใช้งานอยู่มากถึง 5,000 ครั้ง หรือถ้าเรานับว่าเราซักผ้าสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก็จะใช้ได้ยาวนานถึง 30 ปีเลยทีเดียวครับ
ซึ่งความแตกต่างของเครื่องซักผ้า Haier นี้ก็คือ ระบบการล้างถังซักแบบอัตโนมัติ ล้างไปพร้อมกับการซัก ทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โหมดล้างถังซักแยกอีกที (กองบก. ของเราโดนมาแล้ว เพราะไม่ยอมล้างถังซัก กว่าจะรู้ตัวว่ามีคราบเปื้อนหลุดออกมา ก็ต้องมาเสียเวลาล้างถังซักเป็นชั่วโมง) ไม่ต้องเปลืองเวลา เปลืองค่าน้ำ ค่าไฟเพิ่มด้วย แล้วก็ไม่ต้องใช้สารเคมีใด ๆ ที่ผมเล่าไว้ก่อนหน้านี้ มาช่วยล้างถังซักเลยครับ สะดวกจริง ๆ
ระหว่างที่ตัวถังนี้หมุนอยู่ เจ้า Smart Ball ก็จะหมุนล้างถังซักตามไปด้วยเลยจากรอบนอก แล้วหลังจากมันล้างเสร็จ Smart Ball ก็จะไหลกลับเข้าไปในช่องเก็บบอลซักผ้าอีกทีครับ ซึ่งการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า Haier Self-Cleaning Series เนี่ย นอกจากถังซักจะสะอาดแล้ว ยังจะทำให้ผ้าที่ซักไม่มีคราบตกค้าง แบคทีเรียลดน้อยลง พอไม่มีแบคทีเรียสะสม ก็ช่วยให้กลิ่นอับลดลงไปด้วยนั่นเองครับ
นอกจากจะทำให้ถังซักทั้งภายนอกและภายในสะอาดแล้ว ในขณะเดียวกัน ประสิทธิภาพการซักผ้าของเครื่องซักผ้ารุ่นนี้ก็ยังคงคุณภาพอยู่ด้วยนะครับ
และเพื่อที่จะทดสอบเรื่องนี้ เดี๋ยวผมจะเอาเสื้อที่เปื้อนนี่มาซักกับเครื่องซักผ้า Haier เครื่องนี้ แล้วให้คุณผู้ชมดูเลยว่ามันขจัดคราบได้ดีแค่ไหนครับ
โดยผมจะเปิดเครื่องซักผ้าตรงปุ่มเปิดด้านขวานี้ จากนั้นก็หมุนปรับโหมดไปที่ Heavy เพื่อขจัดคราบที่ติดเสื้อของเราไว้ให้หมดไปได้นั่นเอง
ระหว่างที่เรารอผ้าที่เตรียมไว้ให้มันซัก เรามาดูรอบตัวเครื่องซักผ้ากันบ้างดีกว่าครับ โดย Haier Self-Cleaning Series นั้นแบ่งออกได้เป็น 5 รุ่นเลยทีเดียว ซึ่งก็จะมีความจุถัง รวมถึงมอเตอร์ที่แตกต่างกันไปครับ โดยจะมีมอเตอร์แบบ Direct Drive และมอเตอร์แบบธรรมดานั่นเองครับ
รุ่น HM150-B1978S8 ที่ผมรีวิวอยู่นี้เป็นรุ่นท๊อปสุดของซีรี่ส์นี้เลย ซึ่งนอกจากจะรองรับความจุน้ำหนักของผ้าแห้งสูงสุดถึง 15 กิโลกรัมแล้ว ยังมีมอเตอร์แบบ Direct Drive ซึ่งเป็นมอเตอร์ต่อตรง ไร้สายพาน โดยตัวมอเตอร์จะอยู่ใต้ถังซัก ไม่ต้องทำงานผ่านสายพานใด ๆ ทำให้ตัวเครื่องทำงานได้เงียบกว่า และประหยัดพลังงานกว่าด้วยครับ
นอกจากเรื่องของสเปกข้างในแล้ว รุ่นท๊อปสุดนี้ยังมีตัวเครื่องสีใหม่ล่าสุดอย่างสีเทาเข้มที่บอกเลยว่าเรียบหรู ดูแพงมาก และด้วยความที่เครื่องซักผ้ารุ่นนี้เป็นเครื่องฝาบน ปุ่มควบคุม และแผงแสดงข้อมูลต่าง ๆ เลยจะอยู่ด้านหลังทั้งหมดเลยครับ การที่ทาง Haier ดีไซน์ให้แผงควบคุมอยู่ด้านหลังแบบนี้ แผงควบคุมก็จะอยู่ในระดับสายตา ทำให้เราไม่ปวดหลังเวลากดปุ่ม หรือใช้งานด้วยนะครับ
ซึ่งปุ่มการตั้งค่าทุกปุ่มเป็นแบบทัชสกรีน สามารถตั้งค่าได้ทุกส่วนของการซักเลย เช่นจะตั้งค่าระดับความแรงในการซักก็กดปุ่ม Power Level ได้ หรือจะตั้งค่าว่าซักกี่นาที หรือปั่นกี่นาทีก็ได้เลยครับ
หรือถ้าลองดูที่ด้านล่างของแผงควบคุมครับ ทาง Haier เขามีโปรแกรมในการซักผ้าเอาไว้แล้วถึง 12 โปรแกรม โดยเราจะใช้ปุ่มปรับระดับทางขวาสุดนี้ เลือกโหมดในการซักผ้าที่เหมาะสมกับผ้าของเรามากที่สุดนั่นเอง อย่างตอนนี้เสื้อผ้าคราบเยอะ ผมก็เลยซักโหมด Heavy ที่จะปั่นผ้าเร็วขึ้น แรงขึ้นนันเองครับ
บริเวณฝาพับปิดด้านบนของตัวเครื่องก็ถูกออกแบบมาให้ลดแรงกระแทก รวมถึงยังใช้วัสดุเป็นกระจกนิรภัย ที่แข็งแรง ทนทานด้วยครับ พอเปิดฝามาแล้ว ด้านในของตัวถังซักจะเป็นแบบ Pillow Drum ที่จะเป็นรูปทรงหมอนรอบถังซัก ช่วยถนอมผ้า และลดแรงเสียดสีระหว่างซักด้วยครับ
ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่มีมาในเครื่องซักผ้า Haier ซีรี่ส์นี้ก็จะมี ABP หรือ Anti-bacteria pulsator ซึ่งเป็นจานซักผ้าด้านในของตัวถังซัก ที่จะช่วยให้ซักผ้าได้สะอาดและไร้แบคทีเรียมากยิ่งขึ้น โดยจานซักนี้ ก็ได้เคลือบสารเดียวกันกับที่ใช้เคลือบ Smart Ball ด้วย หายห่วงได้เลยว่าจะสามารถซักผ้าได้สะอาดขึ้นอย่างแน่นอน
อีกส่วนหนึ่งก็คือ 4D Magic Filter ที่จะดักจับฝุ่น สิ่งสกปรก เส้นใยผ้าที่หลุดออกระหว่างซักผ้าและอัดให้เป็นก้อน ซ้อนอยู่ข้างในฟิลเตอร์นี้ ซึ่งมีข้อดีที่สิ่งสกปรกจะไม่ไหลย้อนกลับอย่างแน่นอนด้วยนะครับ
หลังจากที่เราซักผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะดูผ้า เรามาดูที่ 4D Magic Filter กันก่อนดีกว่า นี่เลยครับ จะเห็นได้ว่าเศษผ้า หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ จะเข้าไปอยู่ในฟิลเตอร์นี้แทน และจะไม่ไหลกลับไปอยู่ในถังซักนั่นเอง
เสร็จแล้วเราลองมาดูผ้าที่เราซักไว้กันครับ นอกจากที่คราบที่เปื้อนเสื้อของเราจะหายไปแล้ว ยังมีกลิ่นหอม สะอาดด้วยนะครับ ทั้งนี้ผลของการซักนั้นจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก ทั้งเครื่องซักผ้าเอง น้ำยาซักผ้า หรือกระทั่งน้ำยาฟอกผ้าขาวด้วยครับ เพราะฉะนั้น ผลที่ได้อาจจะแตกต่างกับที่ผมซักได้ก็ได้ครับ
ข้อสังเกต
ทางแบไต๋เราเนี่ย จะมีข้อสังเกตมาให้คุณผู้ชมเสมอเลยนะครับ ข้อสังเกตแรกก็คือเรื่องของเวลาในการซักผ้าครับ ตอนที่เราทดสอบ ถ้าน้ำที่บ้านเราไหลช้า จะทำให้เวลาในการซักนานขึ้นด้วย แต่นาฬิกาบนหน้าปัดของเครื่องจะไม่มีการแจ้งว่าเวลาจะนานขึ้นเท่าไหร่ ตรงนี้เลยจะทำให้เวลาในการซักจริงของแต่ละบ้านจะไม่เท่ากันนั่นเองครับ ตอนติดตั้งอยากให้ที่บ้านใช้น้ำที่ไหลแรงซักหน่อย ก็จะดีมากเลยครับ
อีกส่วนที่อยากฝากคุณผู้ชมไว้ก็คือโหมด Quick Wash นั่นเอง โหมดนี้ก็จะลดเวลาจากโหมดซักผ้าธรรมดาที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ที่อาจจะใช้เวลานาน อันนี้สามารถซักเสร็จได้ใน 15 นาทีเท่านั้นเอง แต่ข้อสังเกตก็คือ ผ้าที่ซักได้ในโหมดนี้จะอยู่ที่ ครึ่งเดียวของความจุถังซักเท่านั้นนะครับ อย่างรุ่น 15 กิโลกรัมนี้ก็ซักด่วนได้แค่ 7 กิโลกรัมเท่านั้น แต่ถ้าเทียบกับความเร็วที่ได้แล้ว การซักผ้าด่วนในเวลาสั้น ๆ แค่ 15 นาทีก็ถือว่าตอบโจทย์ความเร่งรีบได้ดีอยู่
รีวิวที่ดีต้องมีราคา
และรีวิวที่ดี ก็ต้องมีราคาครับ โดยเครื่องซักผ้า Haier Self-Cleaning Series รุ่น HM150-B1978S8 ท๊อปสุด ที่มาพร้อม Smart Ball ช่วยล้างถังซักไปพร้อมกันกับที่เราซักผ้าเลย มีราคาอยู่ที่ 16,990 บาทครับ ซึ่งทาง Haier เขามีรุ่นที่ราคาลดหลั่นลงไป แต่ก็ยังมาพร้อม Smart Ball เหมือนเดิมด้วยนะครับ แถมยังมีโปรโมชั่นส่วนลดต่าง ๆ อีกมากมายเลย
นอกจากนั้น เครื่องซักผ้าของ Haier ก็ยังรับประกันตัวเครื่อง 3 ปี และรับประกันมอเตอร์เครื่องซักผ้ายาวถึง 12 ปีเลยด้วยครับ ซึ่งประกันนี้ไม่ต้องลงทะเบียนใด ๆ ทั้งสิ้น หรือถ้ามีปัญหาตรงส่วนไหนระหว่างที่อยู่ในประกัน รวมถึงถ้ามีข้อสงสัยเรื่องการใช้งานใด ๆ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยสักบาท โทรเข้าคอลเซนเตอร์ 1789 ได้เลย ให้บริการไม่มีวันหยุด จบทุกข้อสงสัย
ผมว่าเครื่องซักผ้าที่สามารถล้างตัวเองได้แบบนี้ ควรจะเป็นมาตรฐานใหม่ของการซื้อเครื่องซักผ้าในยุค New Normal ได้แล้วนะครับ ถ้าอยากให้ถังซักสะอาดเหมือนใหม่ เพียงแค่ใช้เครื่องซักผ้าไฮเออร์ Self-Cleaning Series ที่เรียกได้ว่าเป็น Standard ใหม่ของเครื่องซักผ้ายุคนี้จริง ๆ ใครที่สนใจก็ตามไปที่เว็บไซต์ของ Haier ประเทศไทยได้เลยนะครับ ลงลิงค์ไว้ให้แล้ว !