วันนี้คอปเตอร์อยู่กับ ASUS Zenbook Pro 16X OLED หนึ่งในครีเอเตอร์โน้ตบุ๊กที่ดีที่สุดของ ASUS ที่เหมาะกับ user ที่ใช้งานด้านงานออกแบบอย่างที่สุดครับ เพราะมากับหน้าจอที่ดีที่สุด และ exclusive tool ฟังก์ชั่นพิเศษอย่าง ASUS Dial ที่ช่วยให้ใช้งานในโปรแกรมเฉพาะ ได้สะดวกยิ่งขึ้น ที่สำคัญ มาพร้อมพลังประมวลผลที่ยอดเยี่ยมครับ ที่แตกต่างจากโน้ตบุ๊กทั่ว ๆ ไป

นั่นคือกราฟิกการ์ด NVIDIA® GeForce RTX™ 3060 ที่จับคู่กับเทคโนโลยีไดรเวอร์พิเศษ NVIDIA Studio จะช่วยประมวลผลในการทำงานด้านกราฟิกได้อย่างดี ในการประมวลผลเรนเดอร์โดย Tensor Core และ CUDA Core และเมื่อจับคู่กับซีพียู Core i9-12900H ทำให้ครีเอเตอร์ได้รับประสบการณ์ในงานสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดจริง ๆ ครบถ้วน ไม่ว่าจะ จอแสดงผลที่ให้สีสวยสมจริง / ฟังก์ชั่นพิเศษเฉพาะ และประสิทธิภาพที่แรงมั่นใจได้

ดีไซน์

เกริ่นเรื่องประสิทธิภาพไปแล้ว มาดูกันต่อในเรื่องดีไซน์ครับบอดี้ทั้งหมดของ ASUS ZenBook Pro 16X OLED จะเป็นสีดำ Tech Black ที่ให้ความ พรีเมียม เรียบหรู วัสดุทำจากอะลูมิเนียมอัลลอย (Aluminium alloy) ที่ทนทานเป็นพิเศษ บนพื้นผิวฝาหลังมีการทำ CNC เป็นลวดลายโลหะ ในขณะเดียวกันก็เคลือบพื้นผิวป้องกันรอยนิ้วมือครับ เวลาจับรอยนิ้วมือก็ไม่ค่อยเห็นสักเท่าไร ส่วนโลโก้ก็เป็นไฟเปลี่ยนสีได้ครับ

พูดถึงเรื่องการพกพา แม้รุ่นนี้จะมีสเปกพอ ๆ กับโน้ตบุ๊กเล่นเกม แต่เรื่องความหนาและน้ำหนักทำได้ค่อนข้างดีเลย มีความหนาอยู่ที่ 1.78 ซม. และหนัก 2.4 กก. ในภาพรวมถือว่าพกพาไม่ยากครับ และยังใส่กระเป๋าที่เขาแถมมาให้ได้ด้วยนะครับ

ในด้านช่องเชื่อมต่อรุ่นนี้ก็ให้มาค่อนข้างครบ มีทั้ง USB-A 3.2 Gen 2 หนึ่งช่อง และ Thunderbolt 4 สองช่อง อันนี้ใช้งานได้หลากหลาย จะต่อจอแยก ชาร์จไฟ และโอนถ่ายข้อมูลก็ทำได้รวดเร็วครับ

อีกฝั่งก็มี HDMI ช่องหูฟัง 3.5 มม. และช่องอ่าน SD Card ที่รองรับการอ่านข้อมูลความเร็วสูงครับ อันนี้สายครีเอเตอร์ชอบมาก เพราะเวลาจะโอนไฟล์จากกล้อง หรือเครื่องอัดเสียงก็ถอดการ์ดมาเสียบได้เลยครับ ภาพรวมพอร์ตถือว่าโอเคเลย

มาเปิดดูด้านในกันบ้าง ความพิเศษของ ASUS ZenBook Pro 16X OLED ที่เด่นกว่ารุ่นอื่น ๆ ก็คือ กลไก AAS Ultra ที่เวลาเปิดจอ คีย์บอร์ดจะยกตัวสูงขึ้น 7 องศา ทำให้องศาเวลาพิมพ์ดีขึ้น เสียงลำโพงพุ่งใส่เรามากขึ้น และที่สำคัญเพิ่มพื้นที่ดูดอากาศเย็นส่งผลให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้นด้วยครับนอกจากนี้เขายังมีไฟ RGB ที่เปลี่ยนสีตามไฟคีย์บอร์ดด้วยครับ

เห็นเป็นช่องแบบนี้หลายคนอาจกังวลว่า ใช้จริงอาจมีอะไรเข้าไปติดจนทำให้กลไกพังไหม จุดนี้เขาแก้ไขโดยอุดช่องไว้แล้ว ทำให้เวลาเราวางปากกาไว้ แม้จะเผลอปิดจอลงมา ก็ไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องครับ

พูดถึงคีย์บอร์ด อันนี้ก็เป็นไซซ์ปกตินะครับ ขนาดปุ่มกำลังดี สัมผัสการพิมพ์ถือว่าน่าใช้ และยังมีไฟ WRGB ใต้คีย์บอร์ดแบบปุ่มต่อปุ่ม ซึ่งเลือกปรับแต่งได้ และมีรูปแบบการแสดงสีไฟตามสถานะเครื่องที่แตกต่างกัน เรียกว่า Intelligent Lighting เช่นขณะ เปิด-ปิดเครื่อง, ขณะที่แบตเตอรี่ต่ำ-กำลังชาร์จ หรือขณะอยู่ใน Mode Performance

ในขณะเดียวกัน TouchPad ก็มีความใหญ่แบบเวอร์วังอลังการ ลากนิ้วได้แบบไม่ต้องยกเลย และถ้าสังเกตจะเห็นว่ามี NumberPad ซ่อนไว้ด้วยนะ กดค้างไว้แปปหนึ่ง ก็จะมีแผงตัวเลขโผล่ขึ้นมาให้ใช้เลยครับ ด้านสัมผัสการใช้งานก็ลื่นนิ้วครับ และมีระบบสั่นเวลาเราคลิกด้วยครับ

หน้าจอ

ขยับขึ้นมาดูเรื่องหน้าจอ ที่ทุกคนเห็นอยู่นี้คือ จอ 4K OLED 16 นิ้ว สัดส่วน 16:10 รองรับการทัชจอ และวาดเขียนด้วยปากกา ASUS PEN 2.0 ด้วย ตัวปากกาเขาแถมมาให้ในกล่องเลยนะไม่ต้องซื้อเพิ่ม

จุดเด่นของจอ OLED นี้คือ มีความคมชัดมากกว่าจอทั่วไป และมีขอบเขตสีที่กว้างมาก สามารถแสดงสีสันสวยงาม สมจริง

ซึ่งการแสดงสีสันนั้นอยู่ในระดับ 100% DCI-P3 ที่เป็นมาตรฐานช่วงสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์

และหน้าจอนี้ยังได้รับการการันตีจาก Pantone ว่าแสดงผลสีได้อย่างเที่ยงตรงถูกต้องตั้งแต่โรงงาน บวกกับใช้ปากกาวาดที่จอได้ ทำให้จอนี้สามารถเอาไปใช้งานในระดับมืออาชีพได้ อย่าง งานตัดต่อ แต่งภาพ สร้างชิ้นงาน 3 มิติ ก็จะเห็นสีที่สวยงาม และตรง ถูกต้องแน่นอน

ถ้าเอาไปทำงานได้ แล้วดูหนังล่ะจะเหมาะไหม ก็ต้องบอกว่าเหมาะอย่างยิ่งครับ เพราะมีระบบภาพ Dolby Vision ที่ช่วยทำให้ภาพสว่างและมือบาลานซ์กัน และมีระบบเสียง Dolby Atmos ทำให้เสียงสมจริง ผ่านลำโพง 6 ตัวที่ปรับจูนโดย harman / kardon

เสียงเวลาดูหนังหรือฟังเพลงก็จะกระหึ่มมากเลยครับ คุณภาพเสียงดีเลยนะครับ มาครบทุกย่านเสียง ที่สำคัญเสียงเบสมาชัดเลยครับ

อย่างที่บอกตอนต้นครับ เครื่องนี้เกิดมาเพื่อผู้ใช้งานสายครีเอเตอร์โดยเฉพาะ ด้วยฟังก์ชั่นอย่าง ASUS Dial ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับโปรแกรมในตระกูล Adobe ทั้ง LightRoom Classic/Photoshop/Premier Pro/After Effet และ Illustrator

ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็น ช่างภาพ แต่งภาพ / เป็น editor ตัดต่อคลิป ภาพยนตร์ / กราฟิกดีไซน์เนอร์ จนถึง 3D Animator ถูกใจแน่นอนครับ

ผมขอสาธิตวิธีการใช้งานให้ดูครับ ว่าจะช่วยให้ง่ายขึ้นอย่างไรบ้าง

เริ่มที่ Lightroom Classic การใช้ก็แค่กดปุ่มตรงกลางลงไปครับ แล้วหมุนเลือกเครื่องมือที่ต้องการ แล้วหมุนเพื่อปรับแสง แต่งสี ก็ทำได้สะดวกเลยครับ ไม่ต้องสไลด์ซ้ายขวาให้เสียเวลา

ถัดมาลองกับ Photoshop บ้าง อันนี้ก็จะเลือก Brush และ Eraser เวลาใช้คู่กับปากกาได้สะดวกเลยครับ หรือจะปรับขนาดฟอนต์ หรือค่า Opacity ได้ด้วยนะครับ

ส่วนโปรแกรม Premiere Pro อันนี้ก็จะช่วยให้การเลื่อนไทม์ไลน์ทำได้ง่ายขึ้นครับ ถ้าเครื่องมือที่เขาให้มายังไม่ตรงกับการใช้ของเรา ก็สร้างเพิ่มได้ผ่าน ProArt Creator Hub เลยครับ

นอกจากนั้น NVIDIA ยังมีโปรแกรมสำหรับครีเอเตอร์โดยเฉพาะ

  1. NVIDIA Canvas สร้างภาพ landscape ที่สมจริงได้ง่าย ๆ ด้วย AI เพียงการลากเส้น
  2. NVIDIA Broadcast ซอฟท์แวร์ที่จะให้คุณบรอดแคสได้ในระดับมืออาชีพ

เห็นแบบนี้แล้วหลายคนอาจสงสัยว่า นอกจาก Adobe แล้ว ASUS Dial สามารถใช้กับโปรแกรมอื่น ๆ ได้ไหม คำตอบคือใช้ได้ แต่เราต้อง Custom เครื่องมือขึ้นมาเองครับ

สเปก

พูดถึงด้านประสิทธิภาพของ ASUS ZenBook Pro 16X OLED ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาครับ เพราะสเปกที่ให้มาใช้การ์ดจอ NVIDIA® GeForce RTX™ 3060 ที่มีค่ากำลังไฟ ที่ 95W ค่านี้ยิ่งเยอะยิ่งดีครับ ส่วนซีพียูก็เป็น Core i9 12900H สำหรับแรมก็อยู่ที่ 32GB โดยมีพื้นที่เก็บข้อมูล เอสเอสดีอยู่ที่ 1TB ระบบปฏิบัติการก็เป็น Windows 11 ครับ

สำหรับด้านประสิทธิภาพกราฟิก NVIDIA® GeForce RTX™ 3060 ก็มีส่วนช่วยอย่างมากในการเรนเดอร์งานวีดีโอ แถมยังเล่นเกมระดับ AAA ได้สบาย ๆ

ผมลองทดสอบประสิทธิภาพของซีพียูด้วย Geekbench 5 ก็ได้คะแนนในส่วนของ Single Core ไป 1727 คะแนนส่วน Multi-Core อยู่ที่ 12625 คะแนนครับ ส่วนคะแนนซีพียูในการสร้างภาพ 3 มิติผ่าน Cinebench แบบ Single Core ได้ไป 1735 คะแนน ส่วน Multi-Croe ได้ไป 16907 คะแนนครับ

ส่วนความเร็วของ SSD ด้านการอ่านเขียนอยู่ที่ 6896 เมกะไบท์ต่อวินาที ส่วนการเขียนอยู่ที่ 5159 เมกะไบท์ต่อวินาทีเลยครับ อันนี้ก็จะช่วยให้การโอนถ่ายไฟล์ภายในเครื่องทำได้รวดเร็ว

สำหรับแบตเตอรี่ ASUS ZenBook Pro 16X OLED ก็ให้มาเป็นแบบ 96 Whr ถ้าเปิดใช้งานแบบหนัก ๆ จะอยู่ได้ราว ๆ 1-2 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานธรรมดาจะอยู่ได้ราว ๆ 4-5 ชั่วโมงครับ แต่ข้อสังเกตคือถ้าเราถอดปลั๊กออกประสิทธิภาพของเครื่องจะทำงานได้ไม่เต็มที่ครับ

ข้อสังเกต

พูดถึงข้อดีไปเยอะแล้ว เรามาพูดถึงข้อสังเกตกันบ้าง จากที่ผมลองใช้มา ASUS ZenBook Pro 16X OLED ถือเป็นโน้ตบุ๊กที่ตอบโจทย์คนทำงานสายครีเอเตอร์เลยครับ แต่ก็ติดเรื่องความร้อนสะสมบริเวณคีย์บอร์ด ถ้าใช้งานหนัก ๆ ก็จะรู้สึกอุ่น ๆ เวลาพิมพ์งานครับ แต่จุดนี้สามารถแก้ไขได้โดยการปรับรอบพัดลมให้แรงขึ้น และอีกเรื่องคือแม้จะแถมปากกามาให้ แต่ไม่มีแม่เหล็กติดกับตัวเครื่องครับ แปะตามจุดต่าง ๆ ไม่ได้ ทำให้เวลาใช้เสร็จต้องหาที่เก็บดี ๆ เพราะเสี่ยงที่จะหายได้ครับ

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

ASUS ZenBook Pro 16X OLED มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 109,990 บาท ครับ มาพร้อมประกัน ASUS Exclusive Care ที่ประกอบด้วย ประกันแบบซ่อมถึงที่ 3 ปี ประกันซ่อมทั่วโลก 3 ปี และประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก ครอบคลุมค่าอะไหล่ 80% ครับ

และนี่ก็คือ ASUS Zenbook Pro 16X OLED หนึ่งในตัวท็อปของครีเอเตอร์โน้ตบุ๊กของ ASUS ที่จะตอบโจทย์สำคัญของเหล่าครีเอเตอร์ทุกสายอาชีพได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 4K OLED หน้าจอที่ดีที่สุดสำหรับงานสร้างสรรค์ / ASUS Dial ฟังก์ชั่นพิเศษเพื่องานออกแบบโดยเฉพาะ และ ประสิทธิภาพการประมวลที่แรงเหมาะกับทุกงานตั้งแต่งานระดับเริ่มต้น ไปจนถึงระดับมืออาชีพได้เลยทีเดียว ที่สำคัญ การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3060 นอกจากจะยกระดับประสิทธิภาพงานด้านครีเอเตอร์แล้ว ยังให้คุณได้ enjoy กับเกมโปรดได้อีกด้วย