ไม่มีการทำกาแฟครั้งไหนจะง่ายไปกว่านี้แล้ว ด้วยเทคโทนโลยีใหม่ของการสกัดกาแฟจากเนสเพรสโซ แค่ใส่แคปซูลแล้วกดปุ่มเดียว ไม่ต้องเลือกด้วยนะว่าจะกดปุ่มไหน เครื่องก็จะอ่านระดับน้ำและวิธีสกัดกาแฟเพื่อออกมาเป็นแก้วกาแฟที่สมบูรณ์ทันที! แบบนี้ไงครับ

แบไต๋เราเป็นแฟนคลับ Nespresso มานานครับ และวันนี้ผมดีใจมากที่ได้รีวิว Nespresso Vertuo ไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ครั้งแรกก่อนใครในไทย! ที่นี่ที่เดียว!

เริ่มต้นที่เครื่องทำกาแฟรุ่นใหม่ล่าสุดตัวนี้เลย Nespresso Vertuo Next ครับ

ส่วนประกอบเครื่องก็เรียบง่ายมาก ก็มีถังน้ำอยู่ด้านหลังนี้ ถอดมาเติมน้ำง่ายๆ ด้านบนมีปุ่มกดทำกาแฟแค่ปุ่มเดียว ทำกาแฟได้ทุกแบบ ถาดรองแก้วด้านหน้าสามารถดึงออกมาแล้วปรับระดับความสูงได้

พอทำกาแฟเสร็จ เปิดฝาเครื่องออกมา เครื่องจะมีตะขอเกี่ยวแคปซูลออกจากถ้วยเพื่อทิ้งแคปซูลที่ใช้แล้วลงกล่องพักตรงกลางเครื่องด้วย

ดูที่แคปซูล Nespresso Vertuo กันต่อ ที่แคปซูลบอกอะไรเราบ้าง บนฝาอลูมิเนียมจะมีชื่อกาแฟ แล้วก็ปริมาณกาแฟที่ได้จากการกดบอกไว้ครับ แต่จะไม่บอกระดับความเข้มของกาแฟบนฝานะครับ ต้องจำเอาเองจากกล่อง

โดย Nespresso Vertuo ใช้วิธีการสกัดกาแฟแบบใหม่เรียกว่า Centrifusion อาศัยการหมุนของแคปซูลกาแฟในการสกัดน้ำกาแฟออกมา ต่างจากแคปซูลกาแฟอื่น ๆ ที่อาศัยน้ำร้อนอัดผ่านแคปซูลกาแฟ

ลองดูแคปซูล Vertuo ที่ใช้แล้วนะครับ จะเห็นว่ามีรูใหญ่อยู่ตรงกลาง และรูเล็ก ๆ อยู่รอบ ๆ แต่ด้านล่างแคปซูลไม่มีการเจาะรูเลย มันมีเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้

คือระบบ Centrifusion ทำงานโดยอัดน้ำร้อนเข้าไปที่รูตรงกลาง ในขณะที่แคปซูลหมุนด้วยความเร็ว 4,000 รอบต่อนาที (นี่มันแคปซูลกาแฟหรือฮาร์ดดิสก์!) น้ำจะไหลผ่านกาแฟบดในแคปซูลแล้วถูกเหวี่ยงออกมาที่รูรอบ ๆ จนได้น้ำกาแฟและเครมม่าหนานุ่มออกมา

แล้วเครื่องทำกาแฟรู้ได้ยังไงว่าแคปซูลไหนต้องใช้ระดับน้ำเท่าไหร่ แล้วต้องปรุงยังไง ดูใต้ฝาตรงนี้ครับ จะมีขีดดำ ๆ เหมือนบาร์โค้ดอยู่ เมื่อเราใส่แคปซูลเข้าไป เครื่องก็จะหมุนแคปซูลนี้ไปรอบ ๆ เพื่ออ่านบาร์โค้ดรอบฝา แล้วกำหนดวิธีการทำกาแฟให้เราอัตโนมัติ

ถ้าคุณเคยใช้เครื่องทำกาแฟแคปซูลทั่วไป คุณต้องกดเมนูกาแฟให้เหมาะกับแคปซูลที่ใส่ แต่สำหรับ Nespresso Vertuo คุณเปิดฝาเครื่องออกมาแบบนี้ ใส่แคปซูลแล้วปิดฝาลงมา สุดท้ายกดปุ่มเดียวก็จบเลยครับ เครื่องรับรู้อัตโนมัติว่าต้องปรุงกาแฟแบบไหน นี่ผมใส่แคปซูลกาแฟ Costa Rica หอมหวานกลิ่นมอลต์ ความเข้มระดับ 5 ลงไป ก็ได้กาแฟ Gran Lungo 150 ml นี้ออกมา

ดูกาแฟที่ออกจากเครื่องนะครับ จะเห็นว่ามีชั้น Crema หรือชั้นฟองกาแฟที่บอกได้เลยว่ากาแฟสดมาก ซึ่งชั้นเครมม่าที่หนาแบบนี้เป็นเอกลักษณ์ของ Nespresso Vertuo

กลิ่นหอมมาก คุณจะใช้ช้อนตักเครมม่ามาชิม หรือกระดกดื่มกาแฟไปเลย อันนี้คุณลองได้ว่าชอบแบบไหนครับ แต่ Nespresso แนะนำว่าให้คุณลองคนกาแฟแบบใช้ช้อนกดๆ ฟองกาแฟลงน้ำ แล้วดื่มกาแฟแบบอมไว้สักนิดค่อยกลืน จะได้อรรสรสและความสุนทรีในการดื่มที่แตกต่างจากเดิม ลองทำดู สนุกดีนะครับ

แล้วแคปซูลใหม่หน้าตาหยดน้ำนี้ จะเห็นว่าแคปซูลหนาไม่เท่ากันได้ด้วยนะครับ ทำให้ทำกาแฟได้หลากหลายขนาด

  • Espresso กาแฟช็อตเข้ม 40 ml
  • Double Espresso กาแฟเข้ม 2 ช็อต 80 ml
  • Gran Lungo กาแฟกลมกล่อมแต่เข้มข้น 150 ml
  • Mug กาแฟเต็มแก้วแบบ Americano 230 ml ซึ่งจะใช้แคปซูลขนาดใหญ่ที่สุดในตอนนี้ครับ

รวมแล้วเป็น 4 ขนาด บอกเลย อร่อยทุกไซซ์ แต่ระบบ Nespresso Vertuo ยังรองรับแคปซูลกาแฟใหญ่พิเศษอย่าง Pour Over ที่ได้กาแฟขนาด 530 ml เอาไว้กินกันหลายคนด้วย ซึ่งจะวางขายในไทยเร็ว ๆ นี้

ตอนนี้ Nespresso Vertuo มีแคปซูลกาแฟมากกว่า 30 รสชาติให้เลือก คนรักกาแฟดำต้องชอบแน่ๆ เพราะมีให้ชิมหลากหลายมาก เช่น Double Espresso Dolce ตัวนี้ เป็นกาแฟเข้มระดับ 5 กลิ่นมอลต์กับซีเรียล ดื่มเพลินๆ ในไซซ์ Double Shot หรือเข้มหน่อยก็ Stormio ความเข้มระดับ 8 กลิ่นไปทางไม้ ๆ สไปซี่ ซึ่งกดทีเดียวได้เต็มแก้วมัก ดื่มกันจุก ๆ ไปเลย หรืออยากได้ Espresso Shot เข้ม ๆ ก็ลอง Altissio ความเข้มระดับ 9 ได้กาแฟ Full Bodied แบบ Creamy กลิ่นไปทางโกโก้ครับ

ส่วนใครที่ชอบกาแฟใส่นม ก็มีกาแฟในกลุ่ม Barista Creations ให้ทำเสร็จแล้วใส่นมเพิ่มลงไปครับ

ส่วนรสชาติจะถูกปากหรือไม่ ผมบรรยายได้แค่ ถ้าเทียบกับ Nespresso Original Line รุ่นเดิม รสชาติของ Vertuo จะเสถียรขึ้น เพราะรุ่นใหม่สามารถปรับระดับน้ำให้เหมาะกับกาแฟแต่ละชนิดได้ และมีการควบคุมวิธีปรุงแต่ละรสชาติให้ต่างกันได้ แต่สิบปากว่าไม่เท่าลองเองครับ คุณสามารถทดลองชิมฟรีได้ที่ร้าน Nespresso Boutiques ใกล้คุณครับ และเมื่อคุณซื้อเครื่องทำกาแฟ ก็จะได้ชุดแคปซูล 12 รสมาทดลองชิมด้วยครับ

แน่นอนว่าแคปซูลกาแฟของ Nespresso Vertuo นั้นทำจากอะลูมิเนียมทั้งหมด เมื่อใช้เสร็จแล้วก็สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% นะครับ คุณเอาแคปซูลที่ใช้แล้ว ใส่ถุงที่ Nespresso ให้มาตอนซื้อแคปซูลใบนี้ อย่าเอาไปทิ้งลงถังขยะนะครับ แล้วเอาถุงไปคืนที่ Nespresso Boutiques ที่คุณซื้อกาแฟ หรือถ้าคุณสั่งออนไลน์ก็สามารถแจ้งผ่านเว็บว่าต้องการให้มารับคืนแคปซูลที่บ้าน หรือที่เด็ดกว่านั้น คุณส่งแคปซูลกลับไปรีไซเคิลผ่านไปรษณีย์ได้เลย Nespresso จ่ายค่าส่งให้คุณหมดแล้ว จ่าหน้าให้แล้วด้วย คุณแค่ไปยื่นถุงนี้ที่ไปรษณีย์ก็พอ

ซึ่งแคปซูลที่ใช้แล้วก็จะถูกนำเอาไปรีไซเคิลโดยบริษัทที่เป็นผู้นำด้านการรีไซเคิลและการจัดการขยะของไทย ทั้งหมดนี้เป็นความมุ่งมั่นของเนสเพรสโซในการช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมให้กับโลกใบนี้

จุดสังเกต

มาถึงจุดสังเกตกันบ้าง อย่างแรกที่ผมต้องย้ำคือ เครื่องตระกูล Vertuo ใช้กับแคปซูลเก่าไม่ได้ ผมเทียบแคปซูล Vertuo กับ Original Line ให้เห็นชัดๆ ว่าคนละแบบกันเลยนะครับ แคปซูลใหม่ใส่ในเครื่องรุ่นเก่าไม่ได้ แคปซูลเก่าก็ใส่ในเครื่องใหม่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีเครื่องเดิมอยู่ แล้วต้องการกาแฟจาก Vertuo ก็ต้องซื้อเครื่องใหม่ครับ

อีกเรื่องคือฟองกาแฟหรือเครมม่า มันอยู่ได้ไม่นาน ถ้าอยากถ่ายรูป ต้องรีบถ่ายครับ

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

เริ่มจากตัวเครื่องก่อน Nespresso Vertuo Next ราคาเริ่มต้นที่ 9,500 บาท สำหรับเครื่องสีแดง, เทาเข้ม และขาวนะครับ

ส่วนตัวที่เรารีวิววันนี้เป็นรุ่น Vertuo Next Premium สี Classic Black ที่ตรงหัวเป็นสีดำ และมีถาดรองแก้วเป็นโลหะเงาสวยงาม จะมีราคา 10,500 บาท

และรุ่น Vertuo Next Deluxe สี Pure Chrome ที่นอกจากถาดรองแก้วเป็นโลหะแล้ว ตรงหัวยังเป็นโลหะด้วย มีราคา 11,500 บาท

สรุปคือเครื่อง Vertuo Next ทุกรุ่นมีความสามารถเหมือนกันหมด ต่างกันที่สีและวัสดุเท่านั้นครับ ส่วนแคปซูลกาแฟของ Nespresso Vertuo มีราคาตั้งแต่ 26 ถึง 41 บาทต่อแคปซูล แล้วแต่กลิ่นรสและขนาดนะครับ ซึ่งถ้าใครกินกาแฟแก้วใหญ่ๆ แบบเครื่องรุ่นเดิมต้องกด 2-3 แคปซูล มาใช้รุ่นใหม่ก็จะคุ้มกว่า เพราะกดทีเดียวได้กาแฟให้กินกันจนจุใจในราคารวมแล้วถูกกว่า

Nespresso Vertuo เริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2565 นี้นะครับ ถ้าสนใจแล้วไปทดลอง สัมผัสชิมรสชาติจริง ๆ ก่อนได้ที่ Nespresso Boutiques ทุกสาขา เรื่องนี้ต้องลอง ถึงจะรู้!

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส