ถ้าคุณผู้ชมลองนึกถึงอาชีพที่อยู่ในวงการไอที คุณผู้ชมคิดถึงอาชีพอะไรกันครับ ? ในความคิดคุณผู้ชมอาจจะเป็นอาชีพแบบ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ เขียนโค้ด หรือวิศวกรเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว ในวงการไอที ยังมีอาชีพสุดแปลกที่คุณอาจจะคาดไม่ถึงว่า “มีอาชีพนี้ในวงการไอทีด้วยหรอเนี่ย” และนี่คือ Beartai Originals : 5 อาชีพสุดแปลกในวงการไอที ที่คุณ (อาจ) คาดไม่ถึงว่ามีอยู่จริง !

นักสืบ

อาชีพสุดแปลกอาชีพแรกก็คือ ‘นักสืบ’ ไม่ใช่แค่นักสืบธรรมดานะ แต่เป็น ‘นักสืบข้อมูล’ (Data Detective) ต่างหากครับ อาชีพนี้ เขาจะต้องตรวจสอบข้อมูลขององค์กรทั่วทั้งบริษัท ทั้งผ่าน Internet of Things ผ่านเซนเซอร์ อุปกรณ์ต่าง ๆ หรือจากการเก็บข้อมูลอื่น ๆ ที่มีข้อมูลมหาศาล เรียกได้ว่าเป็น Big Data และนำข้อมูลเหล่านั้นมาจัดเรียง

นอกจากนี้ พวกเขายังต้องเชื่อมโยงข้อมูลที่ได้มานั้นเข้าด้วยกัน รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา เพื่อสืบหาสิ่งที่เรายังไม่รู้ใน Big Data เพื่อค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในนั้น สมเป็นอาชีพนักสืบจริง ๆ ไม่ได้สืบคนนะ แต่สืบข้อมูล ! ปัจจุบัน อาชีพที่ใกล้เคียงกับนักสืบข้อมูลมากที่สุด คือ ​นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) และนักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) ซึ่งในไทยเองก็ีอาชีพนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลแล้วเหมือนกัน อย่างในบริษัทแนะนำการลงทุนอย่าง FINNOMENA ก็มี Data Scientist เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่า Data Detective เป็นอาชีพที่กำลังจะมาในอนาคต !

Technology Evangelist

ถ้าคิดว่านักสืบข้อมูลยังดูแปลกไม่พอ อาชีพสุดแปลกต่อมาก็คือ Technology Evangelist (เทคโนโลจี้ เอวานเจลิสต์) หรือให้แปลตรง ๆ ก็คือ “ผู้เผยแพร่ลัทธิทางเทคโนโลยี” ! ฮะ ? ผู้เผยแพร่ลัทธิเนี่ยนะ ถูกเลย ! อาชีพนี้เขาเป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบ มีใจรัก ที่จะเผยแพร่เทคโนโลยี นอกจากจะมีความรู้ด้านเทคโนโลยีมากแล้ว ยังอยากที่จะสื่อสาร หรือ ‘เผยแพร่ลัทธิ’ เทคโนโลยีที่ชื่นชอบนั้น ให้คนอื่นอยากจะใช้งานตามด้วย สมมติว่าบริษัทซอฟต์แวร์ของเรา เพิ่งจะออกฟีเจอร์ใหม่มา ที่แม้ว่าจะดีมาก แต่คนยังไม่รู้จัก และไม่รู้ว่าฟีเจอร์นี้เหมาะกับพวกเขา Technology Evangelist พวกนี้นี่แหละครับ ที่จะเป็นคนเข้าไปเผยแพร่ลัทธิเทคโนโลยีใหม่นี้ ให้คนสนใจอยากลองของใหม่ตาม !

อาชีพนี้ถือเป็นอาชีพที่สำคัญ และแปลกใหม่มากนะครับ เพราะนอกจากจะต้องมีข้อมูลด้านเทคโนโลยีแล้ว อาชีพนี้ยังต้อง ‘สื่อสารเป็น’ เพราะพวกเขาต้องโน้มน้าวให้ผู้คนสนใจในเทคโนโลยีใหม่ และใช้ตามอีกด้วย แม้อาชีพนี้จะมีอยู่มากแล้วในบริษัทต่างประเทศ อย่างที่ Apple, Microsoft ก็มีนะ ในไทยเองก็มีอาชีพนี้แล้วนะ Line ประเทศไทย ก็มี, หรืออย่าง SCB Tech X ก็กำลังมองหาคนมาทำอาชีพนี้เช่นเดียวกัน ถือเป็นอาชีพแห่งอนาคตอาชีพหนึ่งเลย !

ผู้จัดการประสานงานระหว่างมนุษย์และ AI

เมื่อคนเราต้องทำงานร่วมกับ AI มากขึ้นกว่าแต่ก่อน เราอาจจะคิดว่า AI อาจจะมาแทนที่งานเราได้ แต่อาชีพต่อไปนี้ไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะอาชีพสุดแปลกต่อมา คือ ผู้จัดการประสานงานระหว่างมนุษย์และ AI (Human-Machine Teaming Manager) ! แม้ชื่อจะดูงง ๆ หน่อย แต่อาชีพนี้จะทำหน้าที่ในการประสานงานระหว่างมนุษย์ และ AI ให้ทำงานร่วมกันได้ รวมถึงคอยสอน AI ให้ทำงานได้ดีขึ้น และทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ ตอนนี้นอกจาก IBM จะเริ่มออกบทความพูดถึงอาชีพนี้แล้ว บริษัทไอทีอื่น ๆ ก็เริ่มตามหาคนมาทำอาชีพนี้แล้วครับ

ทั้งนี้ คนจะทำอาชีพนี้ได้ไม่ใช่แค่ต้องมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีเท่านั้นนะครับ แต่ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมของมนุษย์ และมีความเข้าใจในระบบการโต้ตอบสื่อสารระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ รวมถึงมีใจรักที่จะเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างระบบที่มนุษย์และ AI จะทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นอีกด้วยนะครับ (อาชีพนี้สำคัญนะครับ ช่วยคุม AI ไว้ มันจะได้ไม่ครองโลก !) ตอนนี้ บริษัท Elbit Systems บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ด้านการป้องกันประเทศของอิสราเอล สาขาออสเตรเลีย ก็มีคนที่เป็นผู้จัดการฝ่ายประสานงานระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร และ AI แล้วด้วยนะ ! อาชีพนี้อีกไม่ไกลแน่นอน !

นักปราชญ์

ถ้าคิดว่าการทำงานประสานกับ AI ยังแปลกไม่พอ รู้หรือไม่ครับว่า ที่บริษัท Google มีนักปราชญ์ (Philosopher) เป็นของตัวเองด้วย ! นักปราชญ์คนนี้ชื่อเดม่อน โฮโรวิซ (Damon Horowitz) ครับ หน้าที่ของเขาก็คือ เขาจะคอยดูแลการออกแบบภายในบริษัท Google ให้มีความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น มีจริยธรรมมากขึ้น

คำว่ามีจริยธรรมมากขึ้น อยากให้คุณผู้ชมลองนึกถึงโครงการ The Manhattan Project ดูครับ โครงการนั้นแม้จะเป็นโครงการที่สำคัญด้านนิวเคลียร์ต่อมนุษยชาติมาก แต่กลับได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นระเบิดนิวเคลียร์ด้วย นักปราชญ์ที่ Google มีหน้าที่ช่วยออกแบบระบบ หรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่มีจริยธรรมมากกว่าเดิม ไม่แน่นะครับ ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวต่าง ๆ ที่เราได้ใช้กันทุกวันนี้ อาจจะมาจากไอเดียของนักปราชญ์เหล่านี้ก็ได้นะ !

Chief Happiness Officer

ส่วนอาชีพสุดท้ายที่แปลกสุด ๆ นี้เรายังอยู่กันที่ Google ครับ เพราะที่นี่เขามี Chief Happiness Officer หรือ ‘หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านความสุข’ ด้วย ! เขาคนนี้ชื่อว่า โคโค่ ฟัททัล (Cocoa Fattal) ครับ ข้อมูลจากใน LinkedIn ของเขาบอกว่า เขาทำงานตำแหน่งนี้ที่ Google มานานกว่า 13 ปีแล้ว ! หน้าที่ของอาชีพนี้ก็คือ สร้างความสุขให้คนในบริษัท Google ที่อาจจะเครียดเรื่องงานมากจนเกินไป และเพิ่มการพูดคุยในบริษัท ที่อาจจะมีแต่เรื่องเทคโนโลยี ที่อาจจะดูเครียดไป เขาก็จะลดเรื่องนี้ลงด้วยเรื่องที่เบาสมองมากขึ้น นอกจากนั้น เขายังมีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของพนักงานให้มีความสุขทั้งทางจิตใจ และในการทำงาน

แม้อาชีพนี้อาจจะดูแปลก แต่ก็เป็นอาชีพที่สำคัญไม่แพ้อาชีพอื่นเลย เพราะคนสร้างความสุขให้กับคนในองค์กร จะช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีขึ้นได้ เมื่อบรรยากาศในการทำงานดี ผลของงานที่ออกมาก็จะดีขึ้นไปด้วย ปัจจุบันบริษัทในประเทศไทยเองก็มีตำแหน่งเจ้าหน้าที่ด้านความสุขนี้แล้วเหมือนกันนะ ! อย่างเช่นแบรนด์ซาลาเปา Phoenix Lava ก็มี Chief Happiness Officer ของตัวเอง หรืออย่างที่เครือข่าย dtac เอง ก็แต่งตั้งมาสคอตของตัวเองที่ชื่อ น้องตัวd ขึ้นมาเป็น Chief Happiness Officer ของ dtac อีกด้วย!

ทั้ง 5 อาชีพที่กล่าวมานี้ ถือว่าเป็นอาชีพที่แปลก แต่มีอยู่จริงในวงการไอทีครับ แต่ถ้าคุณผู้ชมจำกันได้ ก่อนหน้านี้แบไต๋เราเคยนำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับบริษัทเทคโนโลยีที่กำลังไล่คนออกอย่างต่อเนื่องมาแล้ว และเราเคยได้พูดถึงการมีทักษะแห่งอนาคตด้วย อาชีพที่คุณเห็นเหล่านี้นี่แหละครับ คืออาชีพที่ต้องใช้ทักษะแห่งอนาคต เพราะฉะนั้น สำหรับใครที่ยังรู้สึกกังวลเมื่อเห็นบริษัทเทคโนโลยีกำลังอยู่ในช่วงขาลง ก็อย่าเพิ่งหมดหวังไปนะครับ นี่อาจจะกำลังเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ดีขึ้นก็ได้ครับ ส่วนที่บริษัทของคุณผู้ชมที่แม้จะไม่ได้ตั้งตำแหน่งแปลก ๆ เหล่านี้เอาไว้อยู่แล้ว แต่คุณสมบัติที่มีอยู่ในอาชีพเหล่านี้นี่แหละครับ ที่เราสามารถนำมาใช้ในบริษัทของเราได้