หนุ่ย พงศ์สุข ชี้แจง “ทำไมทางด่วนถึงรถติด” แล้ว “วิธีแก้” คืออะไรกันแน่ ? ดูคลิปนี้ รู้เลย !
ในชั่วโมงเร่งด่วน 3 ชั่วโมง (6:30-9:30)
มีรถวิ่งผ่านด่าน 50 บาททั้งหมด 12,960 คัน
- จ่ายด้วย Easy Pass 4,860 คัน
- จ่ายด้วยเงินสด 8,100 คัน
อัตราการระบายรถของด่าน 50 บาท คือ 4,320 คันต่อชั่วโมง
แต่รถที่วิ่งเข้ามาจริงๆ คือประมาณ 6,000 คันต่อชั่วโมง
จึงเป็นเหตุผลให้มีรถติดสะสมเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 6,000-4,320 = 1,680 คัน
ด้วยอัตรานี้ ภายในเวลา 2 ชั่วโมง รถติดสะสมจะกินพื้นผิวถนนทั้งหมดระหว่างด่าน 50 บาทและด่าน 25 บาท (ซึ่งสอดคล้องกับประสบการณ์ตรงที่พอพ้นด่าน 25 บาทแล้วก็จะเจอรถติดทันที)
วิธีแก้ง่าย ๆ หากมีคนใช้ Easy Pass เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3,000 คัน
วิธีแก้ก็คือ ต้องทำให้รถที่จ่ายด้วยเงินสด หันมาใช้ Easy Pass เพิ่มขึ้น 3,000 คัน
จ่ายด้วย Easy Pass 4,860+3000 = 7,860 คัน
จ่ายด้วยเงินสด 8,100-3,000 = 5,100 คันด้วยสัดส่วนใหม่นี้ จะทำให้อัตราการระบายรถของด่าน 50 บาท เพิ่มเป็น 6,861 คันต่อชั่วโมง ซึ่งสูงกว่ารถที่วิ่งเข้ามาจริงๆ 6,000 คันต่อชั่วโมง จึงทำให้ไม่มีรถติดสะสมหน้าด่าน 50 บาท
เมื่อไม่มีรถติดสะสม รถจึงสามารถวิ่งได้ที่ความเร็วปกติคือ 60 ก.ม.ต่อชั่วโมง
และใช้เวลาเพียง 4 นาทีในการเดินทางระหว่างด่าน 25 บาทกับด่าน 50 บาท
ซึ่งนั่นหมายความว่า คนขับรถแต่ละคนจะประหยัดเวลาเดินทางได้ตั้งแต่ 20-40 นาทีเลยทีเดียว
ถ้าคนหนึ่งคนประหยัดเวลาได้ 20 นาทีต่อวันทำงานหนึ่งวัน นั่นแสดงว่าเขาจะประหยัดเวลาได้มากถึง 83 ชั่วโมงต่อปี
คนเราทำงานเดือนละ 40 ชั่วโมง x 4 สัปดาห์ = 160 ชั่วโมง หากคนที่ขับรถขึ้นทางด่วนมีเงินเดือน 16,000 บาท 1 ชั่วโมงของเขาจะมีค่า 100 บาท เวลา 83 ชั่วโมงที่เขาประหยัดไปจึงจะมีมูลค่า 8,300 บาทต่อปี และยิ่งมีค่ามากกว่านี้หากเงินเดือนเขาสูงกว่า 16,000 บาท
สรุป
หากคิดในเชิงผลประโยชน์มวลรวม ในช่วง 3 ชั่วโมงเร่งด่วน จะมีคนต้องผ่านทางนี้อย่างน้อย 18,000 คน ถ้าคนหนึ่งคนประหยัดเวลาได้ 20 นาที นั่นคือ 6,000 ชั่วโมงซึ่งมีมูลค่าถึง 600,000 บาทต่อวัน หรือ 150 ล้านบาทต่อปี
ฟังดูเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเรายอมรับสภาพมันมันก็จะมีสภาพเป็นอย่างที่เห็นเหมือนเดิม จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คุณยอมหรือครับ ผมคนนึงล่ะไม่ยอม แต่ผมคนเดียวมันก็ไม่ได้ มันเป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องร่วมมือกันครับ