จะซื้อลำโพงพกพาสักตัวต้องดูอะไรบ้างครับ สิ่งแรกคือเรื่องของเสียงดีถูกใจ แต่นอกจากนั้นถ้าคุณเป็นสายชอบเดินทางไปเที่ยวชายหาดชิล ๆ หรือฟังเพลงริมสระ Ultimate Ears BOOM3 ตัวนี้ไม่ได้แค่เสียงดีอย่างเดียว ยังใช้ง่าย พกพาง่าย และทนทานมากอีกด้วย
ดีไซน์
การออกแบบลำโพงครับ โอเคเราเห็นแล้วว่ามันเป็นลำโพงทรงกระบอก ซึ่งบุผิวด้วยวัสดุพิเศษให้ทนทาน ด้านหลังเป็นหูผ้าหนาๆ ให้เอาลำโพงไปเกี่ยวกับอะไรก็ได้
อีกจุดที่น่าสนใจคือตรงปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงเป็นปุ่มใหญ่ๆ อยู่ตรงด้านหน้า ส่วนด้านบนมีปุ่มเปิด-ปิดลำโพงอยู่ตรงรูปขีด ส่วนจุดนี้คือปุ่มเชื่อมต่อ Bluetooth และปุ่มใหญ่ตรงกลางนี้คือ Magic Button สำหรับเล่นเพลง-หยุดเพลง กด 2 ทีก็เปลี่ยนเพลง หรือกดค้างเพื่อเล่น Playlist จาก Apple Music หรือ Deezer ที่กำหนดผ่านแอป BOOM ไว้ก็ได้ คือถือแค่ลำโพงก็ควบคุมเพลงได้เยอะเลยแหละ
ส่วนด้านล่างก็เป็นหมุดสำหรับวางลำโพงบนแท่นชาร์จไร้สายที่ต้องซื้อเพิ่มนะครับ แต่ถ้าไม่ซื้อเพิ่มก็ชาร์จลำโพงผ่านช่อง MicroUSB ได้ครับ ชาร์จเต็มจะใช้ได้นานสุด 15 ชั่วโมงครับ แต่ลำโพงนี้ไม่มีช่องต่อ 3.5 mm นะครับ เชื่อม Bluetooth อย่างเดียว
ทำตกจากระดับหน้าอกแทบไม่เป็นอะไร
ถ้าเป็นลำโพงอื่นผมกรี๊ดแตกไปแล้วนะครับ ตกลงพื้นปูนแข็งๆ แบบนี้ลำโพงแตกแน่นอน แต่ Ultimate Ears BOOM3 ยังไม่มีบุบสลาย แถมเพลงก็ยังเล่นต่อเนื่องไม่มีสะดุดเลย ซึ่ง Ultimate Ears บอกว่าเทสต์การตกกระแทกถึงความสูง 170 cm ถึงทำตกแบบตั้งใจแบบนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ก็ไม่แนะนำให้เอาไปปาเล่น หรือตกกระแทกบ่อยๆ นะครับ ถึงมันจะกันกระแทกได้ดีก็ตาม
สามารถลงน้ำได้
Ultimate Ears BOOM3 ลำโพงพกพานอกจากทนทานแล้ว ยังสามารถลงน้ำได้ ด้วยมาตรฐานการกันน้ำระดับ IP67 อยู่ในน้ำลึกไม่เกิน 1 ม. นาน 30 นาที แถมตกน้ำก็ไม่จม เหมาะมากสำหรับงานปาร์ตี้ริมสระน้ำที่เราจะส่งให้กันได้แบบอิสระ ไม่ต้องกลัวพัง และลำโพงที่กันน้ำได้ขนาดนี้ เรื่องฝุ่น เรื่องโคลนก็ไม่ต้องเป็นห่วง ทำอันตรายเจ้า BOOM3 ไม่ได้ แล้วก็มันเลอะก็จับล้างน้ำก็จบแล้ว!
พลังเสียงที่จัดเต็ม!
ต่อที่เรื่องสำคัญนั่นคือเรื่องของเสียงครับ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เพราะ BOOM3 เป็นลำโพงพกพาที่เสียงดีมาก เสียงจาก BOOM3 นั้นโดดเด่นที่เสียงกลาง-แหลมออกมาได้สดใสกังวาล แม้จะมีลำโพงแค่แท่งเดียวแต่เสียงก็โปร่งไปได้ทั่วทั้งห้อง แต่เสียงเบสก็ไม่ได้ทิ้ง เราถือว่าเป็นลำโพงพกพาขนาดย่อมๆ ที่ให้เสียงเบสได้ดีตัวหนึ่งเลย คือเบสกระชับ เก็บตัวเร็ว เสียงเบสลึก ฟังแล้วกลมกล่อม เมื่อรวมกับเสียงกลาง-แหลมที่โปร่งกว้าง ทำให้ลำโพงตัวนี้ให้เสียงได้สนุก เหมาะสำหรับเพลงจังหวะมันส์ๆ เลยแหละครับ แถมเจ้า BOOM3 ยังให้เสียงได้ดังมาก ถ้าเร่งจนสุดนี่ เรียกว่าดังลั่นบ้านได้เลย ดังพอที่จะใช้นอกสถานที่ได้สบาย แถมระยะการทำงานของ BOOM3 ไกลระดับ 45 เมตร แม้มือถืออยู่ห่างจากลำโพงมากๆ เสียงที่เล่นก็ยังไม่กระตุก แต่เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้วยนะ ถ้าสัญญาณรบกวนเยอะๆ ก็จะใช้ได้ไม่ไกลขนาดนี้
ทำเสียงลำโพงแบบ Stereo ได้
ถ้าเราฟัง BOOM3 แค่ตัวเดียว มันก็ให้เสียง Mono เพราะมีแหล่งกำเนิดเสียงจุดเดียว แล้วถ้าเรามีลำโพง BOOM3 อีกตัวหนึ่ง! เราก็สามารถใช้งานพร้อมกันเพื่อสร้างเสียงสเตอริโอได้ผ่านระบบ PartyUp และสามารถต่อได้สูงสุด 150 ตัวเลยทีเดียว!
วิธีการเชื่อมลำโพงของ Ultimate Ears รุ่นที่รองรับระบบ PartyUp เข้าด้วยกันก็ไม่ยาก แค่เชื่อมต่อลำโพงตัวแรกผ่าน Bluetooth แล้วดาวน์โหลดแอป Ultimate Ears BOOM จาก App Store หรือ Play Store จากนั้นเอาลำโพง Boom ตัวต่อไป มาเปิดไว้ใกล้ๆ ก็จะเห็นลำโพงตัวใหม่ ที่สีสันในแอปตรงกับสีของลำโพงตัวจริงด้วยนะ อยู่ในโหมด PartyUp ก็ลากลำโพงใหม่เข้าไปเลยครับ! ลำโพงทั้งหมดก็จะเล่นเพลงเดียวกันแล้ว ซึ่งสามารถเลือกได้ทั้งจะให้เสียงออกมาแบบสเตอริโอ คือลำโพงฝั่งซ้ายกับฝั่งขวาออกเสียงไม่เหมือนกัน เพื่อสร้างมิติของเสียง ที่ฟังแล้วเสียงฟินจริงๆ หรือจะให้ลำโพงทุกตัวออกเสียงเหมือนกันหมด เพื่อเพิ่มความดังให้จุดต่างๆ ที่ลำโพงไปวางไว้ก็ได้
ปรับแต่งเสียงได้ตามความต้องการ
นอกจากนี้ในแอปของ BOOM ก็ยังสามารถปรับแต่ง EQ เสียงของลำโพงให้ถูกใจเรามากขึ้น โดยสามารถปรับได้ 5 band และมีรูปแบบมาตรฐานให้ปรับ 5 แบบครับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฟังก์ชั่น Block Party เพื่อฟังเพลงสลับไปสลับมากับเพื่อน แข่งกันเป็น DJ ได้ด้วย
จุดสังเกต
Ultimate Ears BOOM3 มีจุดสังเกตอยู่ 2 เรื่องคือ อย่างแรกคือมันรองรับการเชื่อมต่อเสียงผ่าน Bluetooth แค่ SBC Codec ซึ่งเป็นรูปแบบเสียงพื้นฐาน ไม่ได้รองรับการเชื่อมต่อแบบ AAC, aptX หรือ LDAC ที่ให้คุณภาพเสียงสูงกว่านะครับ ก็แอบเสียดายตรงนี้นิดหนึ่ง แต่ถึงยังไงเสียงจากลำโพงตัวนี้ก็ดีอยู่ดี และอีกเรื่องนี้ที่ตัวลำโพงไม่มีไมโครโฟนนะครับ ก็ไม่เหมาะสำหรับคนที่คิดจะซื้อไปทำ Speaker Phone ด้วย
ราคา
ปิดท้ายด้วยราคาของ Ultimate Ears BOOM3 นั้นตั้งราคาไว้ราว 5,290 บาท ก็เป็นราคาที่คุ้มกับความทนทานของลำโพงขนาดนี้ และคุณภาพเสียงที่บอกเลยว่าถูกใจมาก โดยในไทยมีให้เลือก 4 สีคือแดง Sunset และสีน้ำเงิน Lagoon นอกจากนี้ก็ยังมีสีดำ Night และสีม่วง UltraViolet ให้เลือกซื้อหาอีกด้วย เรียกได้ว่าครบเครื่องทุกอย่าง สวย ทนทาน พกพาง่าย เสียงกระหึ่ม ใครที่เป็นสายปาร์ตี้ บอกเลยตัวนี้จัดให้คุณได้ครบถ้วนแน่นอน!