OPPO Reno2 มาแล้วจ้า แต่ช้าก่อน คนใช้ OPPO Reno 10x Zoom ไม่ต้องตกใจไป มือถือของคุณยังไม่ตกรุ่น เพราะ OPPO Reno2 ทั้ง 2 รุ่นที่ออกมานี้เป็นตัวเสริมทัพให้แบรนด์ OPPO Reno ขึงขัง เกรียงไกรในตลาดมากขึ้น
เริ่มต้นด้วย OPPO Reno2 F ตัวนี้เป็นน้องเล็กสุดในตระกูล OPPO Reno ตัว F ที่อยู่ในชื่อรุ่นสื่อความหมายง่ายๆ เลยคือจะมาแทนสมาร์ตโฟนรุ่นยอดฮิตในกลุ่ม OPPO F Series ที่หลายคนคุ้นเคยกันดีในเรื่องกล้องสวย ชาร์จเร็ว เล่นเกมลื่นไหล ในระดับราคาไม่แพง ซึ่งเมื่อรวมกับ DNA การออกแบบเป็นเอกลักษณ์ในตระกูล Reno ก็ทำให้ได้ดีไซน์สวยงาม กล้องหลังไม่ปูดแบบนี้ และมี O-dot เพื่อช่วยให้กล้องไม่ขูดพื้นด้วย
ส่วน OPPO Reno 2 รุ่นนี้เป็นรุ่นกลางในตระกูล Reno เพราะมันเก่งกว่า Reno2 F แต่ก็ยังไม่เทพเท่า OPPO Reno 10x Zoom เรือธงที่ออกมาก่อนหน้านี้
ดีไซน์
ดีไซน์ฝาหลังจะแตกต่างกันนิดหนึ่ง คือ Reno2 F เจ้า O-Dot จะมาอยู่ด้านบนเหนือแนวกล้องนี้ ส่วน OPPO Reno 2 เจ้า O-Dot จะมาอยู่ด้านล่างแทน
แต่ดีไซน์ของกล้องหน้า อันนี้ต่างกันเยอะคือ OPPO Reno2 F จะเป็นกล้องหน้าแบบสไลด์ขึ้นเป็นแท่งเล็กๆ พร้อมไฟ Atmosphere Light สีสะดุดตา ซึ่งเปลี่ยนสีได้ใน Settings ถ้าไม่รู้จะเลือกสีไหน ก็ให้มันสุ่มสีมาเลยก็ได้ อย่างเทพ ส่วน OPPO Reno2 กล้องหน้าจะเลื่อนขึ้นเป็นครีบปลาหรือ Pivot Rising เหมือน OPPO Reno รุ่นพี่ ซึ่งกล้องหน้าชุดนี้มีไฟแฟลชอยู่ในตัวด้วย ส่วน Reno2 F จะไม่มีไฟแฟลชหน้า โดยรวมแล้ว OPPO Reno2 F กับ Reno 2 นั้นสวยงามไม่ต่างกันเท่าไหร่ เป็น Gorilla Glass 5 ทั้งคู่ ยกเว้นเรื่องสีฝาหลังที่มีให้เลือกรุ่นละ 2 สีที่ไม่เหมือนกันเลย
OPPO Reno2 F ที่ #beartai ได้มารีวิวนี้เป็นสี Lake Green เป็นแก้วเรียบลื่น ต่างจากสี Ocean Green ของ OPPO Reno ชุดแรก ที่เป็นแก้วพ่นทราย และอีกสีที่มีให้เลือกคือสีขาว Sky White
ส่วน OPPO Reno2 สีที่เราได้มารีวิวคือสีดำ Luminous Black ที่เป็นสีดำประกายน้ำเงิน สวยเข้มเลยแหละ และอีกสีหนึ่งคือชมพู Sunset Pink ที่สวยหวานเหมาะกับคุณผู้หญิง
หน้าจอ
หน้าจอ สมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้ให้จอคล้ายกันมาก คือเป็นจอ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ แบบขอบแบนเรียบไปทั้งหมดไม่มีขอบโค้ง แถมมีเซนเซอร์อ่านลายนิ้วมือใต้จอที่ทำงานได้เร็วใช้ได้ทั้งคู่ มีฟิล์มติดมาจากโรงงานเหมือนกัน แต่ด้านหน้า 2 รุ่นนี้ต่างกันนิดหน่อยตรง OPPO Reno2 F เป็นกระจก Gorilla Glass 5 ที่หน้าจอมีคางหรือขอบล่างมากกว่า ในขณะที่ Reno2 เป็น Gorilla Glass 6 ที่จอจะอยู่ชิดขอบมากกว่า
แต่ส่วนที่แตกต่างกันเยอะหน่อยของหน้าจอทั้ง 2 รุ่นนี้คือ จอของ OPPO Reno2 นั้นเป็นแบบ Sunlight AMOLED สามารถมองเห็นได้ในที่แสงจ้า และรองรับ HDR สามารถเปิด Youtube HDR ได้เลย และเปิด Netflix ได้ที่ความละเอียด 1080p ส่วนหน้าจอของ Reno2 F นั้นไม่รองรับ HDR และเปิด Netflix ได้ความละเอียดที่ 540p
กล้อง
กล้องหลังของ OPPO Reno2 ทั้ง 2 รุ่นนั้นมี 4 กล้องเหมือนกัน ก็ตามสโลแกนของของรุ่นนี้ที่ว่า “4 กล้องหลัง ชัดทุกระยะ สวยทุกมุมมอง” คือไม่ว่าคุณจะถ่ายเลนส์มุมกว้างมาก หรือถ่ายภาพซูมเข้าไป OPPO Reno 2 Series ก็ให้ภาพที่ชัดทุกระยะครับ แต่ 4 กล้องของ 2 รุ่นนี้ก็มีรายละเอียดที่ต่างกันดังนี้ :
- กล้องหลักทั้งคู่มีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.7 เหมือนกัน แต่ขนาดเซนเซอร์ของ OPPO Reno 2 จะใหญ่กว่ารุ่น 2F จึงทำให้ได้ภาพที่ดีกว่า
- กล้อง Ultra Wide ก็ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2 เช่นกันทั้งคู่ แต่เซนเซอร์ของ Reno2 จะใหญ่กว่าของ Reno 2F ก็ทำให้ Reno2 ให้ภาพได้ดีกว่าเช่นกัน
- กล้องตัวที่ 3 เป็นเลนส์วัดระยะสำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ความละเอียด 2 ล้าน อันนี้มีเหมือนกัน
- แต่กล้องตัวที่ 4 อันนี้ต่างกันเลย ทางฝั่งของ OPPO Reno2 จะเป็นกล้องซูม 2 เท่า 13 ล้านพิกเซล f/2.4 ที่สามารถทำ Hybrid Zoom ได้ถึง 5 เท่า ส่วนฝั่ง Reno2 F นั้นเป็นกล้อง Mono หรือกล้องขาว-ดำ 2 ล้านพิกเซล ก็ชัดเจนว่า OPPO Reno2 สามารถถ่ายซูมได้ดีกว่า Reno 2F
ชื่อชั้นของ OPPO ก็เชื่อถือได้เสมอในการถ่ายภาพ เริ่มกันที่ OPPO Reno2 กันก่อน ที่แค่ยกมาถ่ายในโหมด Auto ก็สวยได้ทันที กล้องมีการปรับแต่งด้วย AI เพื่อจูนภาพให้สวยโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้การถ่ายในโหมด Portrait ก็ยังละลายฉากหลังได้สวยงามอีกด้วย ซึ่งก็สามารถใช้เลนส์มุมกว้างเพื่อถ่ายที่แคบให้ดูกว้าง หรือถ่ายคนก็ได้มุมมองภาพที่แปลกตา แถมเลนส์มุมกว้างตัวนี้ยังสามารถถ่าย Macro ได้ในระยะ 2.5 cm ในโหมด Ultra Macro ให้ภาพวัตถุเล็กๆ ได้ชัดมากด้วย ส่วนใครอยากเร่งให้ภาพสีสดก็มีโหมด Dazzle Color เพื่อทำให้ภาพสีสดขึ้นอย่างไม่แสบตา และแน่นอนว่าต้องมี Night Mode เพื่อถ่ายภาพกลางคืนได้สวยงามอีกด้วย
ฟังก์ชั่นการถ่ายวิดีโอถือเป็นฟังก์ชั่นเด็ดของ OPPO Reno2 เพราะสามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้แบบมีกันสั่น OIS ซูมไปมาได้ตั้งแต่เลนส์มุมกว้างมาก จนถึงการซูมดิจิตอล 20 เท่า ส่วนการถ่ายด้วยความละเอียด 1080p สามารถเปิดตัว Ultra Steady ที่ใช้ OIS และ EIS ผสมกันเพื่อให้ได้วิดีโอที่นุ่มนวลระดับถือไม้กันสั่นเลย ไม่ต้องซื้อกล้อง Action Cam ก็ได้วิดีโอที่เคลื่อนไหวนุ่มนวลได้ แม้วิ่งถ่ายก็ยังสามารถเก็บภาพแบบไม่สั่นไหวมากนัก แถมยังถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วย ซึ่งผลงานที่ได้ออกมาดูดีเลย นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกรูปแบบการบันทึกเสียงได้ 3 แบบคือบันทึกตามปกติ บันทึกแบบเก็บเสียงรอบทิศทาง 360 องศา หรือบันทึกแบบโฟกัสไปที่เสียงด้านหน้าอย่างเดียวก็ได้ ซึ่งก็ทำให้ Reno 2 นั้นเหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอด้วย
ส่วน OPPO Reno2 F ก็ยังถ่ายได้ภาพที่ดี มีโหมดหลักๆ ในการถ่ายรูปเหมือนกับ Reno 2 คือสามารถถ่ายเลนส์มุมกว้าง เพื่อเก็บภาพที่แคบให้กว้างขึ้นได้ มีโหมด Portrait ที่ละลายหลังได้สวยงามเหมือนกัน ถ่าย Night Mode ก็ได้ แต่ถ้าดูเอารายละเอียด ก็ต้องบอกว่า Reno 2 ให้ภาพได้สวยกว่า และมีโหมดวิดีโอที่เทพกว่าด้วย
ส่วนกล้องหน้าของ OPPO Reno2 และ Reno2 F มีสเปกเดียวกันคือเป็นกล้อง 16 ล้านพิกเซล f/2.0 ซึ่งถ่ายภาพ Selfie ได้สวยงามทั้งคู่ สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วย
มาถึงเรื่องสเปกกันบ้างครับ เริ่มที่ OPPO Reno2 F ตัวน้องกันก่อน ใช้ CPU เป็น Mediatek Helio P70 พร้อมแรม 8 GB และหน่วยความจำ 128 GB ส่วน OPPO Reno 2 จะใช้เป็น Snapdragon 730G ที่มาพร้อม Adreno 618 และแรม 8 GB กับหน่วยความจำ 256 GB ซึ่งผลคะแนนทดสอบก็ออกมาแตกต่างกันพอสมควร
ระบบเสียง
กลับมาที่ด้านใต้เครื่อง ยังมีช่องหูฟัง 3.5 mm และช่องลำโพง ซึ่งทั้งคู่มีแค่ลำโพงเดียว ไม่ใช่ลำโพงสเตอริโอ แต่ก็ให้เสียงดังมาก
Wi-Fi
จุดที่น่าสนใจอีกอย่างที่มีเฉพาะใน OPPO Reno2 เท่านั้นคือฟังก์ชั่น Dual Wi-Fi ที่สามารถจับไวไฟได้ 2 คลื่นพร้อมกันเพื่อเร่งความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่ายขึ้นไปได้อีก ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกของมือถือที่วางขายจริงที่มีฟังก์ชั่นนี้เลย OPPO ล้ำมาก
อุปกรณ์ในกล่อง
- OPPO Reno2 ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมหัวชาร์จ VOOC Flash Charge 3.0 ชาร์จไฟ 20 Watt ให้แบตเตอรี่ 4000 mAh เต็มอย่างรวดเร็ว และใช้งานได้เกินวัน
- ในกล่องของ OPPO Reno2 ยังมีเคสหน้าตาดี มีลายแบบการเย็บมาด้วย ส่วน Reno2 F จะแถมเป็นเคสใสธรรมดา
คะแนน
- OPPO Reno2 F ทำคะแนนทดสอบ Geekbench 5 แบบ Multicore ไปได้ที่ 1437 คะแนน ส่วน Reno 2 ทำคะแนนได้ 1748 คะแนน
- Antutu 7.2 ตัวน้อง Reno2 F ทำคะแนนไปได้ 145392 คะแนน ส่วนตัวพี่ Reno2 ทำคะแนนได้ 206857 คะแนน
- 3Dmark ชุด Slingshot Extreme ตัวน้อง Reno2 F ทำคะแนนได้ที่ 1271 คะแนน แต่ตัวพี่ทำได้ถึง 2401 คะแนน
ราคาเปิดตัว
- OPPO Reno2 F 11,990 บาท
- OPPO Reno2 17,990 บาท
เอาเป็นว่าทั้ง 2 เครื่องนี้ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอได้สวยตามสโลแกน “4 กล้องหลัง ชัดทุกระยะ สวยทุกมุมมอง” ซึ่งใครอยากได้เครื่องสวย ราคาคุ้มค่ากับสเปก จัด OPPO Reno2 F ได้เลยครับ แต่ใครที่อยากได้เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือเน้นถ่ายวิดีโอเยอะๆ ก็ต้อง Reno2