ถ้าคุณผู้ชมติดตามแบไต๋มาตลอด น่าจะพอจำกันได้ว่าเรารีวิวทีวีตัวท็อปของ Panasonic มาหลายรุ่นตั้งแต่ Panasonic DX900, EZ1000 และล่าสุดตัวนี้คือ GZ2000 นี่คือทีวีที่ดีที่สุดของ Panasonic ในปี 2019 จะเจ๋งขนาดไหน รู้ที่นี่
Panasonic GZ2000
ความพิเศษของทีวีจากพานาโซนิคคือความสัมพันธ์ของพานาโซนิคกับวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด ที่จริงจังมากขนาดไปตั้ง Panasonic Hollywood Laboratory กลางฮอลลีวู๊ดตั้งแต่ราว 20 ปีก่อน เพื่อรองรับงานระดับมืออาชีพที่นั้น ซึ่งก็สั่งสมประสบการณ์ต่าง ๆ พัฒนามาเป็นชิป HCX Pro และตารางสี 3 มิติ HEXA Chroma Drive Pro ที่ใช้ในทีวี Panasonic GZ2000 เพื่อให้สีในระดับที่ฮอลลีวู๊ดรองรับ พานาโซนิคก็ได้ดึงตัว Stefan Sonnenfeld มืออาชีพด้านสี ที่ทำสีให้ภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Wonder Woman, Watchmen, Beauty and the Beast และตอนนี้เป็นผู้บริหารในกลุ่ม Deluxe มาให้คำแนะนำในการสร้างทีวีรุ่นนี้ด้วย สีสันนี้แจ่มแจ้งแน่นอน
หน้าจอทีวีสุดล้ำ
Panasonic GZ2000 เป็นทีวีรุ่นท็อป ใช้แผงหน้าจอที่เรียกว่า Professional Edition 4K OLED Panel หรือจอ 4K ระดับโปรนะครับ ซึ่งเมื่อรวมกับหน่วยประมวลผล HCX Pro ก็ทำให้ได้ภาพ 4K HDR และยังเป็นทีวีจอ OLED ตัวแรกที่ทำ Peak Brightness หรือความสว่างสูงสุดได้มากกว่า 1000 nit ซึ่งทำให้เวลาแสดงเนื้อหาแบบ HDR นั้นสดใสและเด้งออกมายิ่งกว่าทีวี OLED รุ่นอื่นๆ โดยเฉพาะเนื้อหาแบบ Dolby Vision ที่ทีวีรุ่นนี้รองรับ ซึ่งเราลองเล่นเนื้อหา Dolby Vision จาก Netflix ก็ให้ภาพที่สวยงามจริง ๆ
อธิบายเสริมนิดหนึ่งว่าการแสดงภาพแบบ HDR ทีวีจะต้องเร่งแสงมากกว่าการแสดงผลทั่วไป เพื่อให้แสดงรายละเอียดในส่วนสว่างที่เหนือกว่าปกติได้ ค่า Peak Brightness จึงสำคัญสำหรับการแสดงผลแบบ HDR และยังลดปัญหาเวลาดูทีวีในห้องที่มีแสงเยอะ ๆ ทีวีก็สว่างมากพอที่จะสู้แสงไหวด้วย
โหมดปรับภาพระดับ Profressional
นอกจากนี้สำหรับคนที่จริงจังเรื่องการปรับภาพ Panasonic GZ2000 ยังมีโหมดภาพระดับโปรให้ปรับอีกมากมาย โดยเฉพาะภาพในโหมด THX ที่ได้รับการปรับจูนให้เหมาะสำหรับผู้ชมภาพยนตร์จากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพของ THX หรือถ้าคุณเป็นผู้ชม Netflix ตัวยง และไม่อยากปรับรูปแบบภาพเอง GZ2000 ก็ยังมีโหมด Netflix Calibrated เพื่อปรับแต่งลักษณะการแสดงผลของจอให้เหมาะสำหรับเนื้อหาเรื่องนั้นๆ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าสิ่งที่เราได้เห็นผ่าน Panasonic GZ2000 เป็นภาพที่ผู้กำกับอยากให้เราเห็นครับ ซึ่งทีวีรุ่นนี้ก็เป็นหนึ่งใน Netflix Recommended TV หรือทีวีที่ Netflix แนะนำว่าให้ประสบการณ์การใช้งานดีเยี่ยม เรียกได้ว่าจอขนาด 65 นิ้วนี้สามารถให้อารมณ์ภาพได้ดีสมความเป็นตัวท็อปของแบรนด์ Panasonic แล้วเรื่องเสียงล่ะ จะน่าทึ่งเท่าเรื่องภาพรึเปล่า?
เรื่องเสียงก็ไม่ธรรมดา
ถ้าเราจำกันได้ ทีวี OLED รุ่นท็อปของพานาโซนิค 2 รุ่นก่อน คือ Panasonic EZ1000 และ FZ1000 นั้นจะมาพร้อมลำโพง Blade Soundbar ที่ออกแบบเป็นเหมือนดาบเพื่อยิงเสียงออกมา ซึ่งใน Panasonic GZ2000 ก็ได้ปรับปรุงดีไซน์ของซาวน์บาร์ที่มาพร้อมทีวี ไม่ได้ยื่นออกมาเป็นดาบเหมือนรุ่นก่อนแล้ว แต่ฝังเข้าไปในทีวีเลย ซึ่งก็ทำให้ดีไซน์ทีวีมีแผงลำโพงขนาดใหญ่อยู่ใต้จอ
และที่พิเศษสุดสำหรับลำโพงใน GZ2000 คือรองรับ Dolby Atmos เต็มรูปแบบ ไม่ใช่มีแค่ลำโพงด้านหน้าเท่านั้น แต่มีลำโพงด้านบนที่เรียกว่า Upward firing speaker 2 ตัวเพื่อยิงเสียงขึ้นเพดานให้สะท้อนลงมาเป็นเสียงจากด้านบนเวลาเราชมภาพยนตร์ด้วย ซึ่งเมื่อเราทดสอบกับหนังใน Netflix ที่รองรับ Dolby Atmos ก็ให้ประสบการณ์การรับชมที่โอบล้อมกว่าการชมภาพยนตร์ทางทีวีปกติจริง ๆ
นอกจากนี้ยังสามารถเลือก Sound Field หรือพื้นที่เสียงแบบต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนเสียงสเตอริโอธรรมดาให้ได้อารมณ์เหมือนดูในโรงหนัง หรือในสตูดิโอได้อีกด้วย และยังสามารถให้กำลังเสียงได้ถึง 140 Watt จากลำโพงเสียงสูง เสียงกลาง เสียงต่ำ และลำโพงที่ยิงขึ้นด้านบนได้อีกต่างหาก
เพียงแต่ว่าข้อสังเกตในเรื่องลำโพงสำหรับเรานั้นอยู่ตรงที่เสียงต่ำหรือเบสครับ ซึ่งนับกันจริง ๆ มันก็มีมากกว่าทีวีทั่วไปอยู่แล้ว แต่ความหนักแน่นของมันยังสู้ Soundbar แท้ ๆ ที่มี sub-woofer แยกไม่ได้ เรื่องนี้ก็ต้องไปลองฟังกันดูนะครับ
ระบบปฎิบัติการ
Panasonic GZ2000 นั้นใช้ระบบปฏิบัติการที่เรียกว่า My Home Screen 4.0 ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Firefox OS ซึ่งก็มีแอปสำคัญที่เราน่าจะใ้ช้กันครบ แน่นอนแหละว่าต้องมี Netflix นอกจากนี้ยังมี iflix, monomax, Youtube และแอปอื่น ๆ ที่ดาวน์โหลดมาเพิ่มได้ ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการใช้งานในไทย
ความสามารถที่จำเป็นก็มีครบ เช่นแอป Youtube รองรับภาพแบบ HDR, เราสามารถพินแอปที่ใช้บ่อยเข้าไปที่ปุ่ม My App เพื่อเรียกใช้แอปนั้นอย่างรวดเร็วด้วยปุ่มเดียวได้, สามารถสะท้อนภาพหรือ Mirror เนื้อหาจากสมาร์ตโฟน Android ไปขึ้นจอก็ได้ ที่สำคัญคือรองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant ผ่าน Amazon Alexa ก็ได้เช่นกัน เพียงแต่เราไม่สามารถสั่งผ่านทีวีโดยตรง หรือพูดสั่งผ่านรีโมตได้ ต้องเข้าไปเซ็ตค่าในทีวีเพื่อให้รับคำสั่งเสียงจากลำโพงอัจฉริยะ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ภายนอก ซึ่งตรงนี้ก็ยังแอบยุ่งยากไปนิดหนึ่งครับ
และข้อสังเกตสำหรับ Panasonic GZ2000 คือเราคิดว่า My Home Screen 4.0 แม้ว่าจะมีฟังก์ชันให้ใช้มากพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับระบบปฏิบัติการของทีวีในปัจจุบันแล้ว ถือว่ายังออกแบบหน้าตาเมนูหรือระบบการใช้งานได้ดูบ้าน ๆ ซึ่งเราเห็นทีวี Panasonic บางรุ่นเริ่มใช้ Android TV แล้ว ก็คาดว่าในอนาคตจะมีการปรับให้ใช้กันมากขึ้น
จุดสังเกตอื่น ๆ
อีกเรื่องที่ต้องพูดถึงคือด้านดีไซน์ของรีโมตยังค่อนข้างใหญ่และดูเหมือนทีวีในยุคก่อน ซึ่งต่างจากทีวีในปัจจุบันที่พยายามทำให้รีโมตทีวีและเล็กบางลงมากที่สุดครับ
ราคา
สำหรับ Panasonic GZ2000 ขนาด 65 นิ้ว ซึ่งเป็นทีวีตัวท็อปของพานาโซนิคในตอนนี้ มาพร้อมราคา 159,990 บาท ซึ่งก็เป็นราคาระดับเดียวกับทีวี OLED กลุ่มท็อปของหลาย ๆ ยี่ห้อ แต่ Panasonic จะเหนือกว่าตรงราคานี้ได้จอเทพพร้อมระบบเสียงเทพ Dolby Atmos ที่มีลำโพงยิงด้านบนจริง ๆ เลย
และนี่คือสุดยอดทีวีสำหรับปัจจุบันนะครับ เพราะเรื่อง 4K HDR แบบ Dolby Vision พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos ไม่ใช่เรื่องอนาคตแล้ว ทุกวันนี้เราสามารถหาเนื้อหาความละเอียดสูงได้ง่ายมากจาก Youtube, Netflix, Google Movie, PlayStation 4 หรือ Apple TV ที่ไม่ว่าจะแพลตฟอร์มไหน ก็สามารถต่อออก Panasonic GZ2000 เพื่อแสดงผลได้สุดยอดทั้งนั้น