นี่คือเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ที่สุดที่เราเคยรีวิวกันมา ผมจะเล่าให้ฟังครับว่าเจ้า LG Puricare (แอลจี เพียวริแคร์) 360 ดียังไง รู้เลยที่นี่!
Clean Booster
LG Puricare 360 นั้นมีจุดเด่นอยู่ที่พัดลมด้านบน นี่คือ Clean Booster พัดลมที่จะส่งอากาศบริสุทธิ์ไปสู่ทุกมุมห้องไกลถึง 7.5 เมตร ซึ่งเมื่อเริ่มใช้โหมด Booster พัดลมตัวนี้ก็จะยกขึ้นมา 55 องศาเพื่อพัดส่งอากาศออกไป และสามารถควบคุมความแรงของพัดลมบูสเตอร์ได้ อยากให้ทำงานอัตโนมัติ หรือทำงานแรงหรือค่อยก็ปรับได้ ปรับให้หันไปมาซ้าย-ขวาได้ ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับห้องขนาด 91 ตร.ม. ใหญ่ระดับคอนโด 3 ห้องนอนเลยทีเดียว แต่ถ้าจะเอาไปใช้กับห้องที่เล็กกว่านี้ก็ไม่ติดอะไร มันก็ทำให้อากาศในบ้านบริสุทธิ์เร็วขึ้นด้วย
นอกจากนี้ LG Puricare ยังมีชุดฟอกอากาศแยกกัน 2 ส่วน ด้านบน และด้านล่าง โดยทั้ง 2 ส่วน สามารถดูดอากาศ และปล่อยลมบริสุทธิ์ ออกมาได้ทั้งคู่ ส่วนไส้กรองก็มีทั้งด้านบนและด้านล่าง ตัวเครื่องฟอกอากาศด้านล่าง เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก ๆ ที่เล่นอยู่บริเวณพื้นห้อง ก็ถือเป็นการฟอกอากาศสำหรับเด็ก ๆ หรือ Baby Care ไปด้วย
โดยรวมแล้ว LG Puricare 360 นั้นทำงานแบบ 360 องศาคือดูดอากาศจากรอบตัวมาทำความสะอาด แถมยังมีระบบ Ionizer หรือการสร้างประจุขึ้นมาเพื่อทำลายแบคทีเรียในอากาศอีกด้วย
โดยตัวบนกับตัวล่างเป็นไส้กรองวงกลมเหมือนกัน ดูดอากาศจากรอบทิศทางมาผ่านไส้กรอง 6 ชั้นตัวนี้ให้อากาศบริสุทธิ์ ซึ่งก็เริ่มกรองตั้งแต่ฝุ่นขนาดใหญ่ชั้นนอก แล้วกรองฝุ่นละเอียดและสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ในชั้นถัดมา นอกจากนี้ไส้กรองชั้นในที่แกะออกมาไม่ได้ยังจัดการกลิ่น ก๊าซพิษ ควันพิษได้ด้วย
ระบบกรองอากาศได้ถึงระดับ PM 1.0
LG เคลมว่า HEPA Filter ชุดนี้สามารถกรองได้ถึงระดับ PM 1.0 หรือฝุ่นที่มีขนาดเล็กแค่ 1 ไมครอน เล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 ขนาด 2.5 ไมครอนครับ ซึ่งก็ไม่ได้เคลมเปล่าๆ ยังได้รับใบรับรองจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเป็นแบรนด์แรกของไทย ว่าเครื่องรุ่นนี้สามารถจัดการฝุ่น PM1.0 ได้ 99.1% ส่วนฝุ่น PM2.5 และ PM10 ก็จัดการไปได้ 99.3% ภายใน 14 นาที เมื่อทดสอบในห้องขนาด 32 ตารางเมตร
ไส้กรองทำความสะอาดได้
ไส้กรองนี้เราสามารถดึงออกมาดูดฝุ่นทำความสะอาดได้ แต่ห้ามล้างน้ำนะครับ ตัวไส้กรองจะมีอายุการใช้งานได้ประมาณ 1 ปีครี่ง ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้งานหนักแค่ไหน แต่อายุการใช้งานจะยาวนานที่สุดเมื่อใช้ในโหมด Smart แล้วเมื่อถึงกำหนดแล้ว ไฟเตือนด้านบนจะติดรายงาน ซึ่งไส้กรองตัวนี้มีราคา 2,500 บาท ต่ออัน ก็สามารถซื้อได้ที่ศูนย์บริการ LG
เช็คสภาพอากาศง่าย ๆ ผ่านไฟแสดงผล
แน่นอนว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหญ่ขนาดนี้เทคโนโลยีก็ต้องจัดมาเต็มครับ จากแผงควบคุมด้านบนนี้เราก็จะเห็นตัวเลขคุณภาพอากาศด้วย สามารถรายงานได้ทั้ง PM1.0, PM2.5, PM10 รวมถึงความเข้มข้นของกลิ่น หรือดูให้ง่ายกว่านั้นก็ดูสีของไฟในจุดต่างๆ ของเครื่อง เริ่มตั้งแต่สีเขียวคือปลอดภัย ไล่ไปสีเหลือง สีส้ม และสีแดงที่คุณภาพอากาศแย่สุดๆ แล้ว
โหมดต่าง ๆ ใช้งานง่ายสุด ๆ
จากระดับคุณภาพอากาศที่เครื่องวัดได้ ถ้าเราใช้งานเครื่องในโหมด Smart เครื่องจะปรับรูปแบบการทำงานให้เหมาะกับคุณภาพอากาศในขณะนั้นอัตโนมัติครับ ทำให้สามารถเปิดเครื่องได้ทั้งวัน โดยที่เครื่องไม่ทำงานหนักจนเกินไป นอกจากนี้เครื่องยังมีโหมด Booster เพื่อเปิดใช้พัดลม Clean Booster เร่งการฟอกอากาศเป็นพิเศษ ต่อมาคือโหมด Dual เพื่อให้เครื่องฟอก 2 เครื่องบน-ล่างทำงานพร้อมกันเพื่อฟอกอากาศได้เร็ว และโหมด Single ที่เครื่องฟอกตัวล่างจะทำงานเป็นหลัก ซึ่ง 3 โหมดที่ไม่ใช่โหมดอัตโนมัติเราสามารถควบคุมความเร็วพัดลมเองได้นะครับ
แล้วยังมีปุ่ม Sleep เพื่อกำหนดเวลาปิดเครื่อง ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับการใช้ในห้องนอน เพราะโหมด Sleep จะทำให้เครื่องดับไฟที่ไม่จำเป็นทิ้งทั้งหมดด้วย กลางคืนมืดๆ ก็ไม่แสบตา
แอป ThinQ ทำให้กลายเป็นอุปกรณ์ IoT
และแน่นอนว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศจาก LG ก็ต้องเชื่อมต่อสั่งงานผ่านแอป ThinQ (ธิงคิว) ของ LG ได้ ซึ่งทำให้กลายเป็นเครื่องฟอกอากาศ IoT สามารถสั่งงานผ่านมือถือได้ตลอดจากที่ไหนก็ได้ในโลก ทั้งเปิด-ปิดเครื่อง ควบคุมโหมดการทำงาน เปิด-ปิดแสง, การปล่อยประจุไฟฟ้า Ion ก็ได้ หรือตั้งเวลาทำงาน และดูคุณภาพอากาศภายในห้องทั้งในปัจจุบันและดูกราฟในอดีตก็ได้
ข้อสังเกต
ข้อสังเกตอย่างเดียวของ LG Puricare 360 อาจจะเป็นเรื่องราคาที่ตั้งไว้ 49,900 บาท ซึ่งก็เป็นราคากลุ่มพรีเมี่ยม ซึ่งถ้าคุณมีห้องใหญ่ และต้องการเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง ฟอกอากาศได้ถึงระดับ PM1.0 ซึ่งรับรองประสิทธิภาพจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พร้อมความสามารถหลากหลาย LG Puricare 360 ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกของคุณครับ