ปัจจุบันหลาย ๆ คนมักจะต้องทำงานมากมายในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเราจึงต้องการอุปกรณ์ที่สามารถทำงานได้พร้อมกันมากกว่า 1 จอ ซึ่ง Zenbook Duo ตัวนี้ เป็นโน๊ตบุ๊คที่ออกแบบมาได้น่าสนใจทีเดียว
ดีไซน์ภายนอก
ตัวเครื่องโดยรอบดีไซน์ออกมาค่อนข้างเรียบหรูดูดี ช่องต่อพ่วงก็มีให้พอประมาณคือ ข้างขวาพอร์ต USB 3.0 ช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm. ช่อง Card Reader microSD ส่วนทางซ้ายมีช่องเสียบสายชาร์จ ช่อง HDMI ช่อง USB 3.0 และช่อง port Type-C
พอเปิดออกมาเราก็จะเห็นหน้าตาที่แปลกจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปตรงด้านล่างจะมีจอพิเศษขึ้นมา ซึ่งมีชื่อว่า ScreenPad+ ที่มีความน่าสนใจทีเดียว
สเปค
Asus Zenbook Duo ตัวนี้เป็นรุ่นแรกที่มาพร้อม CPU ของ Intel Gen 10th ตัวล่าสุด ซึ่งตัวที่รีวิวนี้เป็น Core i5 10210U และการ์ดจอ Nvidia GeForce MX250 พร้อมหน่วยความจำ LPDDR3 16 GB พร้อม Hard Disk SSD 512 GB PCIE G3X4 กล้องหน้าเป็นแบบ IR Support ที่รองรับ Windows Hello อีกด้วย
โดยหน้าจอมาพร้อมความละเอียดแบบ FullHD ขนาด 14 นิ้วรูปแบบ PANTONE Validated Display ที่ให้ค่าสีตรง เหมาะกับการทำงานด้านกราฟิกและใช้เพื่อความบันเทิง เป็นจอสัมผัสไม่ได้นะคะ
ส่วนจอล่างขนาด 12.6 นิ้วแบบ FullHD ความละเอียด 1920×515 PANTONE Validated Display เช่นกัน และเป็นจอสัมผัสได้ด้วยนะ
ซึ่งการเชื่อมต่อ WiFi รุ่นนี้มาพร้อม WiFi 6 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่ทำให้การเชื่อมต่อมีความเสถียร ลดการหน่วงหรือหลุดระหว่างการเชื่อมต่อได้เป็นอย่างดี
ขนาดของเครื่องกว้าง 32.3 cm ยาว 22.3 cm และสูงเพียง 1.99 cm และหนักเพียง 1.5 kg เท่านั้นเอง
Screen Pad+ หน้าจอเสริมสุดล้ำ
จุดที่น่าสนใจสุด ๆ คงหนีไม่พ้นหน้าจอ Screen Pad+ เป็นจอที่ค่อนข้างตอบโจทย์การทำงานยุคปัจจุบัน เพราะเราสามารถใช้มันเป็นจอสำหรับแยกเพื่อช่วยให้การทำงานเรารวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นจอแยกแล้ว เขายังมีฟีเจอร์ตรงด้านซ้ายให้เรากดใช้งานได้ด้วยนะ ซึ่งพอเปิดขึ้นมาก็จะเห็นโปรแกรมที่เหมาะกับจอ Screen Pad+ ไม่ว่าจะเป็น Quick Key สำหรับกดเพื่อใช้งานคำสั่งทั่วไปเช่น Cut Copy Paste เป็นต้น
อีกโปรแกรมก็สำหรับให้เราจดบันทึกเหมือนกับหน้ากระดาษ ซึ่งจุดนี้ก็ต้องมาพร้อมกับปากกา Asus Pen stylus ให้คุณใช้งานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น แต่เจ้าปากกาด้ามนี้ไม่ได้ถูกเอามาใช้แค่โปรแกรมนี้นะคะ ยังสามารนำไปใช้กับโปรแกรมอื่น ๆ ที่รองรับได้อีกด้วย แต่เสียอย่างเดียว เขียนจอบนไม่ได้เท่านั้นเอง
ถัดมาคือตัวแถบ icon เล็ก ๆ ด้านข้างก็น่าสนใจนะคะตัวแรกคือฟีเจอร์อย่างการปรับเพิ่มลดแสง ตัวที่ 2 คือการจัดกลุ่มของหน้าจอที่เราทำงานประจำได้อย่างง่ายดายค่ะ ตัวที่ 3 คือการสลับหน้าจอบน – ล่างทันทีที่กด เผื่อเวลาเราเปิดอะไรขึ้นมาแล้วไม่อยากให้คนอื่นเห็น ก็ใช้ปุ่มนี้สลับได้ทันทีเลย ตัวที่ 4 สำหรับคนใช้หน้าจอเยอะ ๆ ก็สามารถเรียกหน้าจอที่ต้องการขึ้นมาใช้ได้ทันที ส่วนตัวที่ 5 อันนี้แปลกหน่อยสำหรับคนใช้ Notebook นั่นคือตัวล็อคแป้นพิมพ์ ซึ่งปกติเราจะเห็นแต่ล็อค Touchpad แต่เพราะเราสามารถใช้งานจอล่างได้ บางครั้งคนอาจจะต้องการใช้คีย์บอร์ดแยก จึงต้องมีฟีเจอร์นี้ไว้นั่นเองค่ะ จะได้ไม่เผลอจิ้มไปโดนคีย์บอร์ดไง!
แบตเตอรี่
โดยแบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณ 5 ชั่วโมงถ้าใช้งานต่อเนื่อง ก็อาจจะต้องพกหัวชาร์จไปด้วย แต่ไม่ต้องกังวลเพราะหัวชาร์จค่อนข้างเบา พกพาง่ายเลยทีเดียว
เหมาะกับใคร?
Zenbook Duo รุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพกพาโน๊ตบุ๊คไปทำงานนอกบ้านเป็นประจำเช่น โปรแกรมเมอร์ที่ต้องการเปิดหลายหน้าต่างพร้อมกัน หรือนักข่าวที่ต้องหาข้อมูลหลาย ๆ อย่าง หรือแม้แต่ดีไซเนอร์ก็น่าจะตอบโจทย์ได้เช่นกัน
แต่เมย์คิดว่า Zenbook Duo ตัวนี้อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชินกับคีย์บอร์ดเดิม ๆ เท่าไหร่นะคะ จากการวาง Layout แบบนี้ทำให้คนที่พิมพ์แบบเดิม ๆ อาจจะต้องปรับตัวซักพักถึงจะพิมพ์ได้รวดเร็วเหมือนเดิม และอีกด้านคือหน้าจอล่าง Screen Pad+ เป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย ก็อย่าลืมพกผ้าสำหรับเช็ดจอติดตัวไปด้วยนะ
ราคา
ปิดท้ายด้วยราคาของ Zenbook Duo รุ่น UX481FL ตัวนี้มาพร้อมราคา 34,990 บาท มาพร้อมปากกา และเคสหนังที่สลัก ASUS สวยงาม แต่สำหรับใครที่อยากจัดเต็ม เขาก็มีตัวทอปที่มาพร้อม CPU Core i7 Gen 10th ในราคาเริ่มต้น 39,990 บาท ได้สเปคจัดเต็มแบบนี้ ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว