จะว่าไป แบไต๋ เราก็มีเครื่องแมคอยู่แทบทุกรุ่นนะครับที่ซื้อมาใช้งานจริง ซื้อมาใช้เองแบบไม่มีสปอนเซอร์! และนี่คือ Macbook ตัวล่าสุดของเรา Macbook Pro 16 นิ้ว ที่ออกมาแทน Macbook Pro 15 นิ้ว เราจะเล่าให้ฟังว่ามันดี มันด้อยยังไง!

มาดูดีไซน์เครื่องกันก่อนครับ ดีไซน์ตัวเครื่องภายนอกนั้นไม่แตกต่างจากรุ่น 15 นิ้วเดิมเท่าไหร่ครับ เพียงแต่ว่าเครื่องจะใหญ่กว่าเดิมนิดหน่อย ตามขนาดจอที่เพิ่มขึ้น ถ้าไม่ได้เอาเครื่องมาวางเทียบก็จะแยกไม่ค่อยออกนะ แต่ด้วยขนาดจอที่ใหญ่ขึ้น ก็ทำให้น้ำหนักของ MacBook 16 นั้นเพิ่มขึ้นเป็น 2 กก. จาก MacBook 15 ที่หนัก​ 1.83 กก. ครับ

ส่วนเมื่อกางเครื่องออกมาดูด้านใน ก็จะเห็นความแตกต่างเยอะหน่อยครับ เราจะเห็นว่าตัวลำโพงด้านซ้าย-ขวานี้มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเวลาเปิดเพลงก็ให้เสียงดีมากด้วย เบสก็มีแน่นพอสมควรเลย เพราะมีลำโพงด้านใน 6 ตัว นอกจากนี้ในส่วนของ Touchpad ด้านล่างก็มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งทำให้ผู้ใช้แมค ใช้สั่งงานเครื่องได้ง่ายเข้าไปอีกโดยไม่ต้องใช้เมาส์ด้วยซ้ำ แบบที่ผู้ใช้แมคคุ้นเคยมาตลอดครับ

และหน้าจอตัวนี้มีขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3072 x 1920 pixel ซึ่งละเอียดมากกว่ารุ่น 15 นิ้วอยู่หน่อย เพราะจอใหญ่กว่า แต่ก็ยังมีความหนาแน่นของพิกเซล 220 ppi เท่าเดิม จุดสำคัญที่ Macbook Pro 16 นิ้วปรับปรุงคือตัวคีย์บอร์ด ที่เปลี่ยนจากกลไกปีกผีเสื้อที่พยายามใช้มาหลายปี กลับมาเป็นแผงคีย์บอร์ดกลไกแบบกรรไกรเหมือนเดิม ที่ออกแบบใหม่ให้แป้นตื้นกว่าคีย์บอร์ดทั่วไป แต่ก็ยังไม่ได้ตื้นขนาดกลไกแบบปีกผีเสื้อเดิม ซึ่งก็น่าจะแก้ปัญหาคีย์บอร์ดพังที่ Macbook หลายรุ่นประสบมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้

ซึ่งสัมผัสจากคีย์บอร์ดตัวนี้จะนุ่มนวล และเสียงในการพิมพ์เบากว่าคีย์บอร์ดผีเสื้อเดิมพอสมควรเลย คนทั่วไปก็น่าจะชอบสัมผัสจากคีย์บอร์ดตัวนี้ครับ แต่ทีมงานเราที่พิมพ์บนคีย์บอร์ดปีกผีเสื้อมานานหลายปี ก็บอกว่าเวลาพิมพ์แล้วไม่มีเสียง ความมันส์ในการพิมพ์ก็ลดลงไปนะ

อีกเรื่องที่ในที่สุดแอปเปิ้ลก็ฟังเสียงผู้ใช้คือเพิ่มปุ่ม ESC จริงๆ กลับมาครับ คือปกติใน MacBook รุ่น Touchbar นั้นเราจะไม่มีปุ่ม esc จริงๆ นะครับ แต่เป็นปุ่มสัมผัสที่อยู่บน Touchbar แทน ซึ่งมันก็สร้างปัญหาให้ผู้ใช้หลายคน โดยเฉพาะโปรแกรมเมอร์ที่ต้องใช้ปุ่ม esc กันบ่อย ๆ ที่กดผิดกดถูกกันเป็นประจำ ซึ่งพอเป็นปุ่มแยกก็กดง่ายขึ้น ส่วนเจ้า Touchbar ก็ยังใช้ดีสำหรับคนที่คุ้นเคยเหมือนเคยครับ และตรงสุดขอบ Touchbar ด้านขวานี้ก็เป็น Touch ID เอาไว้อ่านลายนิ้วมือเหมือนเดิม

นอกจากนี้ปุ่มลูกศรก็เปลี่ยนเป็นทรง T คว่ำ จากเดิมที่ปุ่มลูกศรซ้าย-ขวาจะเป็นปุ่มใหญ่เต็มพื้นที่ไปหมด ก็ทำให้ผู้ใช้จับความรู้สึกง่ายขึ้นว่าจุดไหนคือปุ่มลูกศรครับ ก็ถือว่าดีมาก

แต่จุดที่ไม่ชอบเลยในคีย์บอร์ดภาษาไทยคือการสกรีนตัวภาษาไทยที่ประหลาดกว่าคีย์บอร์ดอื่น ๆ ที่ตัวไทยจะสกรีนอยู่ด้านซ้ายของภาษาอังกฤษ แต่คีย์บอร์ดทั่วไปจะสกรีนตัวไทยไว้ด้านขวาของตัวอังกฤษ ก็ทำให้เวลาหาตัวอักษรจะรู้สึกสับสน เพราะเราจำลักษณะการสกรีนไทยแบบเดิมไว้มากกว่าครับ ส่วนประสิทธิภาพในการใช้งานนั้นก็ต้องบอกว่าดีจริง แม้ซีพียูตัวเริ่มต้นจะยังเป็น Intel Core i7-9750H 6 แกน ตัวเดิมเหมือน MacBook 15 นิ้วตัวสุดท้าย แต่ก็ปรับปรุงชิปกราฟิกให้แรงขึ้นเป็น AMD Radeon Pro 5300M แล้วก็ปรับหน่วยความจำเริ่มต้นให้เป็น SSD 512 GB จากรุ่นเดิมที่เริ่มต้นให้มาแค่ 256 GB ครับ

ซึ่งผลจากการทดสอบด้วย Geekbench 5 ได้คะแนน Multicore ออกมาที่ 5680 คะแนน ซึ่งเร็วเทียบเท่ากับ iMac 27 นิ้วรุ่นปี 2019 ที่ใช้ซีพียู Core i5-9600k ส่วนประสิทธิภาพของ SSD นั้นเราใช้ Blackmagic Disk Speed Test ได้ก็ผลการอ่าน-เขียนออกมาราวๆ 2.6 GB/s ครับ ซึ่งถือว่าเร็วใช้ได้ แต่ก็ยังไม่ใช่ความเร็วสูงสุดของ SSD ที่หาได้ทั่วไปในท้องตลาดปัจจุบันที่พุ่งไปทะลุ 3 GB/s แล้ว ส่วนการใช้งานจริงกับการตัดต่อวิดีโอผ่านโปรแกรม Final Cut Pro ถือว่าทำผลงานได้น่าพอใจมาก สามารถตัดวิดีโอ 4K ได้ค่อนข้างลื่น เราใช้งานจริงมาหลายโพรเจกต์แล้วประทับใจเลย เครื่องมีการระบายความร้อนดีพอที่จะใช้งานต่อเนื่องได้นาน ๆ โดยที่ความเร็วไม่ตก

ส่วนจุดสังเกตของ Macbook Pro 16 ตัวนี้อยู่ที่พอร์ตการเชื่อมต่อครับ แม้ว่าจะเป็นพอร์ต ThunderBolt 3 ที่มีหน้าตาเดียวกับ USB-C มาให้ 4 พอร์ต แต่ก็ยังขาดพอร์ตสำคัญที่กลุ่มโปรใช้อย่างช่องอ่านการ์ด SD หรือ HDMI ที่ต้องหาซื้อหัวแปลงมาต่ออีกที

นอกจากนี้ก็ตามสไตล์ของ MacBook รุ่นใหม่ ๆ คือคุณไม่สามารถอัปเกรดอะไรเครื่องได้เลยหลังจากซื้อมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น RAM หรือ SSD ที่ทั้งหมดฝังอยู่ในบอร์ดไปหมดแล้ว คือถ้าคิดว่าจะใช้พื้นที่เยอะ ใช้แรมเยอะ ก็ต้องซื้อเผื่อมาตั้งแต่แรกครับ ซึ่งค่าอัปเกรดจากโรงงานของแอปเปิ้ลก็แพงกว่าราคาตลาดมาก

แล้วก็เรื่องแบตเตอรี่ก็เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้อึดนักครับ เราใช้ทำงานบน Chrome ก็ใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 7 ชั่วโมง ก็ควรพก Adapter 96 Watt นี้ติดตัวไปด้วยครับ ซึ่งก็เป็นอแดปเตอร์ชาร์จไฟแบบ USB-C ที่แรงที่สุดตัวหนึ่งแล้ว ให้กำลังไฟมากกว่าของรุ่น 15 นิ้วเดิมที่ให้อแดปเตอร์มา 87 Watt ครับ

รีวิวที่ดีก็ต้องมีราคาครับ สำหรับ MacBook Pro 16 รุ่นเริ่มต้นที่เราซื้อมาใช้งานตัวนี้ ราคาอยู่ที่ 75,900 บาทครับ ซึ่งสำหรับคนทั่วไปคงคิดว่ามันแพง แต่สำหรับผู้ใช้แมค นี่คือราคาเริ่มต้นที่ถูกลงกว่ารุ่นก่อน MacBook Pro 15 ที่เริ่มต้นที่ 79,900 บาทนะครับ แถมในราคาถูกกว่านี้ยังได้สเปกที่ดีกว่าด้วย โดยเฉพาะ SSD ที่ให้มา 512 GB แทนที่รุ่นเดิมที่ให้มา 256 GB ครับ และติดตามการรีวิวจากแบไต๋ที่จะลงทุนซื้ออุปกรณ์แอปเปิ้ลอะไรมารีวิวอีก รอดูกันผ่านช่องทางของแบไต๋เลยครับ

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส