ต้องดูให้จบแล้วถึงจะเข้าใจ! เจ้าสัว ‘ธนินท์ เจียรวนนท์’ ประธานอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด แนะแนวทางอย่างไร ให้ประเทศไทยพ้นวิกฤตโควิด – 19
โครงการสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย
โครงการหน้ากากอนามัยที่ได้มีการทุ่มงบ 100 ล้านบาท ได้สร้างแล้วเสร็จภายใน 5 สัปดาห์จริง แต่ก็ยังมีอุปสรรคที่เกิดขึ้นหลังจากโครงการสร้างโรงงานทำหน้ากากอนามัยเพื่อแจกจ่าย 3 ล้านชิ้นต่อเดือนคือ ต้องมีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศบางส่วน ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้มีความสำคัญ ต้องซื้อจากหลายประเทศ และหาได้ยาก ยิ่งฝั่งสหรัฐฯ ประกาศออกมาว่าทุกคนต้องใช้ ก็ยิ่งขาดแคลนขึ้นไปอีก
และที่ CP ได้ดำเนินการสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยนี้ก็ไม่ได้ทำออกมาเพื่อซื้อขาย แต่เป็นการผลิตเพื่อส่งให้แพทย์และพยาบาล เพื่อเป็นด่านหน้าที่อยู่ในสนามรบอยู่ ณ ตอนนี้
“ฉะนั้นเราต้องปกป้องหมอกับพยาบาลให้เข้มแข็ง ให้แข็งแรงไม่ให้ติดเชื้อ ถึงจะมีกำลังไปช่วยเหลือประชาชน”
โดยโรงงานนี้ตั้งใจผลิตได้เดือนละ 3 ล้านชิ้น โดยจะแจกไปเรื่อย ๆ วันละ 1 แสนชิ้น แต่เชื่อว่าไม่สามารถช่วยคนทั้งประเทศไทย แต่เราก็ต้องช่วย โดยจะมอบให้กับโรงพยาบาล เพื่อมอบให้กับประชาชนที่เดินทางมารักษา ซึ่งถ้าเราปกป้อง หลีกเลี่ยงได้ โรค COVID-19 นี้ก็จะรักษาได้หายไปเอง
โดยงบ 100 ล้านบาทที่ตั้งไว้ ณ ตอนนี้ยังไม่หมด แต่ถ้ามีการยืดเยื้อไปอีก เชื่อว่าจะไม่พอแน่นอน ยิ่งถ้าเลย 3 เดือนไป และมีความต้องการของตลาดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่อให้มีเครื่องจักร ก็ไม่มีประโยชน์
ซึ่งคุณ ธนินท์ เจียรวนนท์ ก็มีความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีกับคนเก่งวันนี้ จะสามารถแก้ปัญหาของโลกได้ มนุษย์ย่อมเก่งกว่าปัญหา เพราะถ้าไม่ได้เก่งกว่าปัญหา มนุษย์อาจไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็เป็นได้
ความมั่นคงของพนักงานเครือ CP
คุณ ธนินท์ มองว่าปัจจุบันคนเก่งนั้นหายาก ทุกวันนี้เรายังไม่สามารถสร้างหุ่นยนต์ที่เก่งเท่ามนุษย์ได้ ซึ่งคนเหล่านี้เป็นความสำเร็จของ CP เพราะเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากมนุษย์สร้าง สร้างเสร็จแล้วมนุษย์ก็นำไปใช้ ดังนั้นจะไม่มีการเลิกจ้างบุคลากรของ CP อย่างแน่นอน ซึ่งช่วงนี้นอกจากไม่เลิกจ้างแล้ว เขายังได้มีการจ้างคนเพิ่มอีกกว่า 20,000 ตำแหน่งด้วยซ้ำ
และทุกโครงการของเครือ CP ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง และอื่น ๆ จะมีการสร้างอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทางหยุด อย่างโครงการรถไฟความเร็วสูงที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 4 ปีนั้น จะกลายเป็นโอกาสสำคัญของประเทศ เพราะทุก ๆ ครั้งหลังวิกฤติแล้ว เศรษฐกิจจะมีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ถ้าจะดีเลย์ ก็อาจจะเป็นทางภาครัฐฯ
ทำอย่างไรถึงผ่านวิกฤตินี้ไปได้?
ในปัจจุบันผู้ประกอบการหรือเจ้าของบริษัทอื่น ๆ มีปัญหาเยอะเช่นกัน หลายที่มีความคิดเลิกจ้างพนักงาน แต่ที่ CP ไม่ต้องเลิกจ้างคน เพราะธุรกิจของ CP เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ CP เก่งหรือธุรกิจอื่น ๆ ไม่เก่ง แต่เป็นที่ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งโลกอย่าง COVID-19 สร้างผลกระทบอย่างยิ่ง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ต้องหยุดชะงัก ก็ต้องหาทางลดคน เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว และเงินก็มีจำกัด จ่ายไปก็ไม่ไหว
อย่างประเทศอังกฤษก็ได้มีการประกาศว่า จะช่วยเหลือเงินเดือนของพนักงานทั้งหมด 80% ของค่าแรง ห้ามเลิกจ้างพนักงาน แล้วพอหลังวิกฤติ โอกาสกลับมาอีกครั้ง ค่อยจ่ายเงินเดือนตามเดิม ซึ่งถ้าเราสามารถทำแบบนี้ได้ ธนาคารก็จะไม่มีหนี้เสีย ประชาชนก็จะยังมีเงินไปจับจ่ายใช้สอย ภาษีมูลค่าเพิ่มก็ยังได้อยู่เช่นเดิม และที่สำคัญคือ คนไม่ตกงาน
ซึ่งการที่ภาครัฐฯ จ่ายเงินเดือนให้พนักงานเหล่านี้ พวกเขาก็จะมีเงินไปจับจ่าย กลับมาเป็นเงินภาษีคืนให้ภาครัฐฯ อยู่ดี
ดังนั้นหลักการคือ ภาครัฐควรเข้ามาสนับสนุนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่ถ้าธุรกิจไหนไม่มีผลกระทบก็ปล่อยให้เขารับผิดชอบตัวเองได้ อย่าให้เขาล้มหายตายจากไป เพราะจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในอนาคต เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่พวกเขาดำเนินธุรกิจไม่ดี ไม่ใช่ความผิดใคร
ไม่ว่าจะเสียหายเท่าไหร่ มีหนี้เท่าไหร่ รัฐบาลควรกู้เงินมาเพื่อสนับสนุนเยียวยาคนกลุ่มนี้ เปรียบเทียบรัฐบาลไทยจริง ๆ รวยกว่าประเทศอังกฤษ เมื่อประเทศเขาช่วยเหลือ 80% ของเงินเดือน ประเทศไทยควรช่วยเหลือ 100% เต็ม ฟังดูอาจจะเหมือนเลยเถิด แต่ไม่ใช่
แม้หนี้จะต้องชำระเป็นเวลา 10 ถึง 20 ปีแต่ไม่ทำให้ประเทศล้มละลาย รวมไปถึงประเทศจะยังได้เงินเพิ่มอีกด้วย เพียงกู้เงินมา 10% ของ GDP เท่านั้น หรือจะเป็นการออกพันธบัตรของรัฐบาลก็สามารถช่วยเหลือได้เช่นกัน ถ้าทำสิ่งเหล่านี้แล้ว ทุกอย่างก็จะอยู่รอด ทุกคนมีเงินจับจ่ายใช้สอย เลี้ยงครอบครัวได้เช่นเดิม สังคมไม่เดือดร้อน ไม่ต้องเอาเงินไปลดภาษี แต่เอาเงินนี้ทำให้ทุกอย่างกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ เพราะเงินเหล่านี้ไป ๆ มา ๆ ก็กลับมาเข้ารัฐบาลเหมือนเดิมผ่านภาษีอยู่ดี
แต่อาจจะสร้างเงื่อนไขให้ว่า ถ้าจ่ายเงินเดือนแล้ว เราก็ไม่ควรอยู่เฉย อาจจะไปหาฝึกอบรมออนไลน์ เพื่อเตรียมพร้อมหลังวิกฤติจบว่า เราจะทำดีกว่าเดิมอย่างไร จะบริการลูกค้าดีกว่านี้ได้อย่างไร? ซึ่งพอหลังวิกฤติแล้วก็ให้วิ่งทันที เพราะคนอื่นยังอ่อนแออยู่ สิ่งเหล่านี้ไม่เสียเปล่า
ฟังดูแล้วอาจเหมือนกับว่าเห็นแก่ตัว แต่จริง ๆ คือเขาเห็นแก่ประเทศ เพราะถ้าประเทศไทยอยู่ไม่ได้เครือ CP ก็อยู่ไม่ได้ เพราะเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย รักเมืองไทยดังเช่นทุกคน และถ้าประเทศไทยเสียหาย เครือ CP ก็เสียหายหนักที่สุดเช่นกัน
“ไม่ได้คิดถึงประโยชน์ส่วนตัว แต่คิดทุกอย่าง เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส