หนุ่ย พงศ์สุข เจาะลึกทุกความสามารถของ #Huawei #P40 Pro สมาร์ตโฟนเรือธงเน้นกล้องตัวเทพ ซึ่งเป็นการใช้งานจริงนานนับสัปดาห์ โดยใช้เป็นเครื่องหลักจริง ๆ แบบไม่ลง GMS ว่าจะสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้หรือไม่!

ดีไซน์เครื่อง

ไม่ต้องเกริ่นเยอะ เนื้อหามันเยอะ ดูที่ดีไซน์เครื่องกันก่อนเลยครับ จุดเด่นดีไซน์ของ Huawei P40 Pro นั้นอยู่ที่หน้าจอโค้ง 4 ด้านที่เรียกว่า Quad-Curve Overflow Display ซึ่งใครที่ใช้จอโค้งมาก่อน แล้วเห็นจอโค้ง 4 ด้านแบบนี้ก็คงคิดก่อนเลยว่าจอคงลั่นง่ายกว่าเดิม แต่เราทดสอบการใช้งานจริงเป็นสัปดาห์ครับ พบว่าเราไม่เคยทำจอลั่นเลย EMUI ของหัวเว่ยเก่งมากเรื่องนี้

แล้วพอจอโค้งทุกด้านแบบนี้ ความรู้สึกในการใช้งานก็ดีขึ้นเยอะมาก เพราะปกติเราจะสั่งงานด้วยการปัด ย้อนกลับหน้าเดิมก็ปัดขอบซ้ายหรือขวา ส่วนกลับหน้าโฮมก็ปัดจากขอบล่างขึ้นบน ซึ่งพอขอบจอมันโค้งทุกด้าน สัมผัสในการปัดจอที่ขอบก็นุ่มนวลมาก รู้สึกเป็นกระจกที่นุ่มนวลไปหมดในการใช้งานครับ จนไม่อยากติดฟิล์มเลย

ผมว่าถ้าใครซื้อมือถือหลังปี 2020 นี้ไป คงไม่สามารถกลับไปใช้จอมือถือแบบเดิม ๆ ได้แล้วแหละครับ เพราะตากระแดะไปหมดแล้ว นี่ผมไถหน้า Facebook เพจแบไต๋ก็ลื่นสบายตา เลื่อนหน้าเว็บแบไต๋ก็ลื่นไหลจริง ๆ
พลิกดูด้านหลังเครื่องกันบ้างครับ สีที่เราได้มารีวิวนี้คือ Deep Sea Blue ก็เป็นน้ำเงินเข้มที่สวยมาก ๆ ส่วนสีอื่นที่มีให้เลือกในไทยคือ Silver Frost สีเทาสง่า และ Blush Gold สีทองสวย ๆ ซึ่งสังเกตว่า Huawei P40 Pro ในปีนี้ไม่มีสีแบบไล่เฉดขายในไทยครับ

ส่วนพอร์ตด้านล่างเครื่องก็จะมี USB-C แค่พอร์ตเดียว จะต่อหูฟังก็เสียบพอร์ตนี้ ไม่มีช่องต่อหูฟัง 3.5 mm แล้วนะครับ ซึ่งในกล่องก็แถมหูฟังแบบ USB-C มาให้ด้วย นอกจากนี้ก็มีไมโครโฟนสำหรับรับเสียงโทรศัพท์ มีถาดใส่ซิม ซึ่งรองรับ 5G ทั้ง 2 ซิม แล้วก็สามารถใส่ NM Card การ์ดหน่วยความจำเฉพาะตัวของหัวเว่ยที่เพิ่มความจุได้สูงสุดอีก 256 GB ได้ที่ถาดซิมที่ 2 ครับ ส่วนลำโพงด้านใต้นี้เป็นลำโพงโมโนนะครับ เวลาเปิดเพลงเสียงออกตัวนี้อย่างเดียว เพราะลำโพงที่ใช้คุยโทรศัพท์แบบแนบหูนั้นฝังอยู่ใต้จอ ทำให้เอามาเปล่งเสียงเป็นลำโพงสเตอริโอไม่ได้ ซึ่งลำโพงด้านใต้นี้ก็ให้เสียงได้ดังดี แต่ไม่มีเบสครับ

ด้านข้างเป็นปุ่มควบคุมเสียงแบบปุ่มจริงนะครับ ไม่ต้องเคาะ ๆ ข้างจอเหมือนตัว Mate 30 Pro แล้ว ซึ่งก็น่าจะถูกใจใครหลาย ๆ คนมากกว่า

ด้านบนก็จะมีไมโครโฟนอีกตัวหนึ่งเอาไว้ตัดเสียงรบกวนครับ และที่เป็นเอกลักษณ์ของมือถือเรือธงหัวเว่ยคือช่อง Infared ต รงนี้ เอาไว้เป็นรีโมตสั่งงานอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้าน ถือมือถือเครื่องเดียวเปิด-ปิดแอร์หรือทีวีได้

หน้าจอ

หน้าจอของ Huawei P40 Pro มีขนาด 6.58 นิ้ว แต่ด้วยความที่มีขอบโค้งทั้งหมด ก็ทำให้ตัวเครื่องดูเล็กเมื่อเทียบตัวเลขขนาดของหน้าจอ ซึ่งจอแบบ OLED นี้มีความละเอียด 2640 x1200 pixel ซึ่งมากกว่า Full HD ไปพอสมควร รองรับ HDR10 และขอบเขตสี DCI-P3 ตรงมุมบนซ้ายก็เป็นตำแหน่งของกล้องหน้าคู่ในหน้าจอครับ ก็กินพื้นที่ในหน้าจอพอสมควรเลย เพราะมีระบบกล้อง Infrared ในนี้ด้วย ทำให้สามารถปลดล็อกด้วยใบหน้ารวดเร็วแม้อยู่ในที่มืด แล้วในหน้าจอนี้ยังมาพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ทำงานได้รวดเร็วครับ

และแน่นอนว่าเป็นเรือธงในยุค 2020 ก็ขาดจอนุ่มไปไม่ได้ จอของ Huawei P40 Pro นั้นมี Refresh Rate ที่ 90 Hz ก็ทำให้การใช้งานนั้นนุ่มนวลต่อสายตาไปทั้งหมด

กล้อง 4 ตัว

มาถึงเรื่องสำคัญอย่างกล้องกันบ้างครับ ขึ้นชื่อว่า Huawei P-Series เรื่องกล้องก็ต้องพัฒนาไปขั้นสุด ซึ่งกล้องหลังของ Huawei P40 Pro ประกอบไปด้วยกล้อง 4 ตัวดังนี้

กล้องตัวบนสุดนี้คือกล้องมุมกว้างมากที่เรียกว่า Cine Camera มีความละเอียด 40 ล้านพิกเซล f/1.8 ถ่ายจริงจะรวม 4 พิกเซลเป็น 1 เหลือ 10 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นตัวเดียวกับกล้องมุมกว้างของ Huawei Mate 30 Pro
กล้องตัวกลางคือเลนส์หลัก Ultra Vision Sensor แบบ RYYB ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายจริงจะรวม 4 พิกเซลเหลือ 12.5 ล้านพิกเซล มีรูรับแสง f/1.9 มีขนาดเซนเซอร์ใหญ่ถึง 1/1.28 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าเรือธงอื่น ๆ ในท้องตลาด พร้อมด้วยระบบโฟกัสแบบ Full Pixel Octa Phase Detect Autofocus ใช้ระบบหาโฟกัสแบบ Phase Detect มาจับกัน 4 คู่เพื่อให้หาโฟกัสได้เร็วขึ้น

กล้องตัวสุดท้าย เลนส์สี่เหลี่ยมก็ต้องเป็นกล้อง Periscope แบบเรือดำน้ำ ซูม 5 เท่า ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/3.4 โดยปรับปรุงใหม่ให้เป็นเซนเซอร์แบบ RYYB ที่รับแสงได้มากขึ้น
สุดท้ายกล้องเล็กๆ ตัวนี้คือ 3D Depth Sensing Camera หรือกล้องวัดระยะนั้นเอง

มาถึงกล้องหน้ากันบ้าง Huawei P40 Pro นั้นมีกล้องหน้ามาถึง 2 ตัว กล้องตัวหลักนั้นมีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.2 พร้อมระบบ auto focus ที่หายจากกล้องหน้าไปนาน ส่วนกล้องอีกตัวตรงนี้คือกล้องวัดระยะครับ ทำให้ถ่ายภาพ Selfie แบบหน้าชัดหลังเบลอได้เนียนขึ้น

คุณภาพการถ่าย

Huawei P40 Pro นั้นใช้กระบวนการที่เรียกว่า HUAWEI XD Fusion Engine ซึ่งนำข้อมูลจากหลายเลนส์ หลายเซนเซอร์มารวมกัน เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ภาพจาก Huawei P40 Pro จึงสวยงามในทุกสภาพแสงครับ ตั้งแต่กลางวันที่ถ่ายทอดสีสันออกมาได้เยี่ยม ดูมีชีวิตชีวา รายละเอียดภาพถ่ายทอดดีมาก โหมดสีเฉพาะของ Leica อย่าง Vivid และ Smooth ก็ยังอยู่เหมือนเดิมแถมจัดจ้านกว่าเดิมด้วย ปัญหาเรื่องสีเพี้ยนที่มีในเรือธงรุ่นก่อน ๆ ก็ลดลงแล้วด้วยเซนเซอร์วัดสีใหม่ที่แม่นยำกว่าเดิมครับ แล้ว AI ก็ทำหน้าที่ปรับปรุงซีนต่าง ๆ ได้ดีด้วย

การถ่ายภาพบุคคล หน้าชัดหลังเบลอทำออกมาได้เนียนตา ฉากหลังเบลอเป็นธรรมชาติ ดูไม่หลอกตา สีผิวบุคคลก็เก็บได้สวยงามดูสุขภาพดี

ภาพมุมกว้างมากจากเลนส์ Cine-camera ให้คุณภาพภาพดีกว่าเลนส์ Ultra-wide ของสมาร์ตโฟนทั่วไป เพราะเซนเซอร์ใหญ่กว่า แต่มีข้อสังเกตตรงมุมภาพได้ไม่กว้างเท่าเลนส์ของสมาร์ตโฟนอื่น ๆ และไม่สามารถใช้เลนส์นี้ถ่าย Marco ระยะใกล้มาก ๆ ได้เหมือนตัว P30 Pro เดิม

เลนส์หลักให้คุณภาพภาพดีมาก เพราะเซนเซอร์มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดตอนนี้ แต่ด้วยข้อจำกัดทางฟิสิกส์ เมื่อเซนเซอร์ใหญ่แถมรูรับแสงกว้างถึง f/1.9 ทำให้มีปัญหาความคมชัดเวลาถ่ายวัตถุใกล้ ๆ บ้าง เช่นเวลาเราถ่ายตัวอักษรเล็ก ๆ จะเห็นว่าตัวอักษรที่อยู่กลางภาพนั้นคม แต่ตัวที่อยู่ขอบภาพจะมีความมัวนิดหน่อย ซึ่งเราจะพบอาการนี้ในกล้องมือถือที่มีเซนเซอร์ใหญ่ ๆ ครับ

การถ่ายภาพที่ระยะ 5 เท่าที่ใช้เลนส์ Periscope ก็ให้คุณภาพภาพได้ดี แล้วเมื่อซูมไป 10 เท่าที่เป็นระบบ Hybrid Zoom ก็ยังให้รายละเอียดภาพได้ดีระดับใช้งานได้ และเมื่อซูมไปจนสุดที่ 50 เท่าแบบ Digital Zoom แน่นอนว่าภาพแตกครับ แต่ก็ยังให้รายละเอียดภาพที่ดูรู้เรื่องอยู่

การถ่ายภาพกลางคืนก็ยังเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ เพราะตัวกล้องหลักและกล้องซูม 5 เท่าใช้เซนเซอร์แบบ RYYB ซึ่งเป็นเซนเซอร์ที่ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีที่สุดในโลกมาตั้งแต่ P30 Pro ที่เมื่อพัฒนามาเป็น P40 Pro ก็ยังถ่ายในที่ที่แทบจะไม่มีแสงให้สว่างเหมือนกลางวันได้ด้วย ISO สูงสุด 409,600 และรุ่นนี้เลนส์ซูม 5 เท่าก็เป็นเซนเซอร์ RYYB ก็ทำให้ถ่ายภาพซูมในเวลาแสงน้อยได้ดีขึ้นครับ

ส่วนการถ่ายวิดีโอก็ทำได้ดี สามารถถ่ายวิดีโอได้ถึงระดับ 4K 60 fps แถมถ่ายได้นุ่มนวลดีครับ ระบบป้องกันการสั่นไหวก็ทำงานได้ดีเลย สามารถถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ หรือทำฉากหลังเป็นขาว-ดำได้ การซูมวิดีโอไปมาก็สามารถเลื่อนในหน้าจอได้เลย เพียงแต่ว่าจังหวะเปลี่ยนเลนส์ในการซูมนั้นจะมีจังหวะกระโดดบ้าง ไม่ได้นุ่มเหมือนกล้องวิดีโอจริงๆ แต่ที่ทำได้ดีคือการซูมเสียงระหว่างการซูมภาพครับ ทำให้ได้ยินเสียงจากระยะไกลได้ชัดเจนขึ้น

นอกจากนี้ยังมีโหมด Dual-View สำหรับถ่ายวิดีโอให้ได้ 2 มุมมองจากเลนส์มุมกว้างและเลนส์ซูมได้พร้อมกันด้วย ส่วนการถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยก็ทำได้ดีกว่ากล้องมือถือทั่วไป โดยเฉพาะในเลนส์มุมกว้าง Cine-Camera ที่สามารถรวม 16 พิกเซลเป็น 1 จนดัน ISO ระหว่างการถ่ายวิดีโอไปได้ถึง 51,200

คุณภาพภาพจากกล้องหน้าของ Huawei P40 Pro นั้นจัดว่าดีมาก ให้ภาพใบหน้าได้คมชัดทุกระยะเพราะมี Auto Focus แล้ว แล้วยังให้สีผิวได้ดีด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถปรับรูปแบบการละลายฉากหลังได้หลายรูปแบบ ทั้งเบลอแบบหัวใจ เบลอแบบเกลียว หรือทำเป็น Stage Lighting ไปเลยก็ได้

นอกจากนี้เรายังสามารถถ่ายวิดีโอ Selfie ระดับ 4K 60 fps จากกล้องหน้าได้เลย แถมมีระบบกันสั่นด้วยนะครับ เดินไปถ่ายไปนี่สบายมาก เพียงแต่ว่ามุมภาพที่ถ่ายได้อาจจะแคบกว่าการถ่ายรูป Selfie พอสมควรเลย ถ้าอยากเห็นฉากหลังเยอะ ๆ คงต้องยืดมือกันสุดแขนนิดหนึ่ง

และที่เราชอบมากคือการถ่าย Selfie ยามค่ำคืนแบบเปิดแฟลชครับ ที่เปลี่ยนหน้าจอให้เป็นแสงแฟลชแบบส่องสว่างตลอดเวลา ซึ่งพอเป็นแสงแฟลชจากหน้าจอแบบนี้ก็ทำให้หน้าเราสว่างเนียนไปหมด ตาก็เป็นประกายเหมือนถ่ายด้วยแฟลชวงแหวน แถมยังเก็บแสงของฉากหลังได้อย่างสวยงาม ซึ่งเราก็ทำฉากหลังเบลอให้สวยงามได้ด้วย นี่เราไม่ต้องหลีกเลี่ยงการเปิดแฟลชแล้วนะ

มาดูความสามารถพิเศษของ AI ในรุ่นนี้กันบ้าง จะมีฟังก์ชันใหม่ที่เรียกว่า AI Golden Snap ช่วยให้ได้รูปที่ดีขึ้น ฟังก์ชันที่น่าสนใจคือ “ลบแสงสะท้อน” ครับ มีประโยชน์มากเวลาเราต้องถ่ายอะไรผ่านกระจก วิธีใช้ก็เข้าแอป Gallery แล้วเลือกรูปที่มีแสงสะท้อน จากนั้นกด Edit แล้วกด Remove Reflection ก็เรียบร้อยครับ ซึ่งผลงานที่ออกมานั้นก็ดีใช้ได้ อาจไม่สามารถลบแสงสะท้อนได้หมด แต่ก็ได้ภาพที่ชัดขึ้นครับ

อีกฟังก์ชันหนึ่งคือการลบคนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้านหลังออกไปครับ ฟังก์ชันนี้จะต้องถ่ายรูปในแบบ Moving Picture มาก่อน ไม่สามารถใช้รูปถ่ายแบบปกติมาแก้ไขได้นะครับ เสร็จแล้วกดเข้าโหมด Edit ภาพเหมือนเดิม ก็จะมีปุ่ม Remove Passersby ให้กด ก็จะสามารถลบคนรก ๆ ในฉากหลังออกไปได้ครับ

ประสิทธิภาพ

ประสิทธิภาพของ P-Series จะใช้ CPU รุ่นเดียวกับ Mate Series ที่ออกมาก่อน ทำให้ Huawei P40 Pro นั้นใช้ CPU เป็น Kirin 990 5G ซึ่งก็เป็นหน่วยประมวลผลที่แรงที่สุดของหัวเว่ยในปัจจุบัน และเครื่องยังมาพร้อมกับแรม 8 GB และหน่วยความจำในเครื่องอีก 256 GB

โดยผลคะแนนจากแอปต่าง ๆ เป็นดังนี้ Geekbench 5 ได้คะแนนแบบ Multi-core ในโหมดธรรมดาไป 2925 คะแนน ส่วนโหมด Performance ซึ่งรีดพลังสูงสุดเร่งคะแนนได้ไป 3157 คะแนน ซึ่งก็เป็นคะแนนระดับเดียวกับ Snapdragon 865 ส่วนการทดสอบด้วย 3Dmark ชุดทดสอบ Sling Shot Extreme ก็ได้คะแนนไป 2751 ในโหมดธรรมดา และคะแนนเร่งไปถึง 6051 คะแนน ในโหมด Performance เห็นผลการทดสอบแล้วก็ต้องขยี้ตา แต่ตัวเลขกระโดดไปเท่าตัวจริง และการทดสอบหน่วยความจำด้วย Androbench ก็ได้ความเร็วในการอ่านข้อมูลเกือบ 1.8 GB/s ส่วนการเขียนข้อมูลก็ทำได้ราว 400 MB/s

เครื่องแรงขนาดนี้ แม้โหมดปกติก็ใช้งานทั่วไปได้ลื่น ๆ หมดครับ จะท่องเว็บแบไต๋หรือเล่นเฟซบุ๊กเพจแบไต๋ก็ลื่นทั้งนั้น เอาไปลองเล่นเกมอย่าง Asphalt 9 ก็ให้ภาพสวยงามลื่นไหลดีครับ

นอกจากนี้ในเรื่องการเชื่อมต่อ Huawei P40 Series ทุกตัวนั้นรองรับ 5G ทันทีนะครับ คุณใส่ซิมที่มีแพ็กเกจรองรับ 5G ในไทย ก็ใช้งานความเร็วระดับ 5G ได้ทันทีโดยไม่ต้องรออัปเดตอะไรอีก เทพตรงนี้ แล้วยังรองรับ Wi-Fi 6 เต็มรูปแบบ ซึ่งเราทดสอบการเชื่อมต่อกับ Linksys Velop MX5 รุ่นล่าสุด ก็แสดงความเร็วในการเชื่อมต่อได้ 1.2 Gbps และไอคอนก็มีตัวเลข 6 แสดงขึ้นอย่างชัดเจนครับ Huawei P40 Pro รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อในอนาคตครบครับ!

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ ใน Huawei P40 Pro นั้นมาพร้อมแบตเตอรี่ 4200 mAh นะครับ ซึ่งแม้หน้าจอจะเป็นแบบ 90 Hz แต่เราก็ใช้งานได้จนจบวันแบบสบาย ๆ นะครับ ถือว่าเครื่องจัดการพลังงานได้ดีเลย นอกจากนี้ยังมาพร้อมหัวชาร์จแบบ Huawei Supercharge 40W ที่ชาร์จกลับได้เร็วมาก ส่วนการชาร์จแบบไร้สายก็สามารถชาร์จรับกระแสสูงสุดได้ 27 W ซึ่งแน่นอนว่าความสามารถ Wireless Reverse Charging หรือเปลี่ยนเครื่องนี้ให้กลายเป็นแท่นชาร์จไร้สาย ไปชาร์จเครื่องอื่นได้ก็ยังมีอยู่

มาถึงตัว EMUI 10.1 รุ่นนี้ก็มีความสามารถน่าสนใจหลายอย่าง Huawei Share ที่สามารถแตะ Huawei P40 Pro เข้าไปโน้ตบุ๊กของหัวเว่ย อย่างตัวนี้เป็น Huawei D15 ขายเริ่มต้นไม่ถึง 18,000 บาท ก็ทำงานร่วมกับมือถือได้ทันที เอาภาพจากมือถือโอนไป หรือจะสั่งงานมือถือด้วยเมาส์ก็ได้ เจ๋งจริง และใน EMUI 10.1 ยังมีระบบ Video Call แบบใหม่เรียกว่า MeeTime ทีให้ความคมชัดในการคอล 1080p แต่ใช้คุยกันได้ระหว่างมือถือหัวเว่ยด้วยกันครับ ซึ่งถ้ารุ่นอื่น ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้อัปเป็น EMUI 10.1 ก็จะใช้ได้เหมือนกันครับ

HMS

สุดท้ายเรื่องที่หลายคนยังกังวลเกี่ยวกับ Huawei P40 Pro คือการไม่มี GMS หรือ Google Mobile Service แต่ใช้เป็น Huawei Mobile Service หรือ HMS แทน แล้วจะใช้งานจริงจังได้แค่ไหน เรื่องนี้เราเคยลงรายละเอียดไปแล้วในคลิป “Huawei Mate 30 Pro 5G ที่ใช้ HMS ลงแอปอะไรได้บ้าง!” ลองย้อนกลับไปดูกันได้

Huawei P40 Pro ซึ่งเราได้ทดลองถือเป็นสมาร์ตโฟนเครื่องหลักในชีวิตประจำวันเลย พบว่าสามารถใช้งานเป็นเครื่องหลักได้สบายครับ ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ พวกคอนแทกติดต่อ, SMS รูปภาพก็โอนผ่านแอป Phone Clone จากเครื่องเก่าได้เลย จะใช้ Gmail ก็ซิงก์ผ่านแอปเมลของหัวเว่ย หรือใช้แอปนอกอย่าง BlueMail ก็สามารถซิงก์เมลมาได้พร้อมปฏิทินจากกูเกิ้ลครับ แอปธนาคารส่วนใหญ่ก็มีให้โหลดผ่าน AppGallery ของหัวเว่ยแล้ว แอปความบันเทิงก็มีทั้ง LINE TV, Viu, CH3 Plus ช้อปออนไลน์ก็มี Lazada, Shopee ส่วน facebook, facebook messenger, instagram, twitter, spotify พวกนี้ดาวน์โหลดจาก APKpure มาใช้ได้ปกติเลยครับ

ส่วน Youtube อันนี้ต้องเปิดผ่านเว็บ แต่ Google Maps โหลดแอปจาก APKpure มาใช้ได้ ใช้ค้นหาสถานที่ได้ นำทางในรถได้ แต่จะล็อกอินไม่ได้นะครับ

สุดท้ายคือ LINE ที่ตอนนี้เรายังต้องใช้ LINE Lite อยู่ ซึ่งก็สามารถตอบข้อความ รับสาย โทรออก LINE Call ได้ แถมใช้โดยไม่ต้องดีดบัญชีออกจากเครื่องเดิมด้วยนะ แต่ LINE Lite ก็ยังมีข้อจำกัดตรงที่ไม่สามารถใช้ LINE Pay ได้ หรือใช้เพื่อล็อกอินไลน์ในอุปกรณ์อื่น ๆ ก็ไม่ได้ ซึ่งหัวเว่ยบอกว่า LINE เวอร์ชันเต็มสำหรับ HMS จะออกมาในช่วงสิ้นเดือนเมษายนนี้ครับ ส่วน Netflix ก็จะมีเวอร์ชันที่ใช้งานได้ตามมาเช่นกัน

Huawei P40 Pro ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่เพราะไม่ได้ใช้ GMS แต่ก็ถือว่าตลอดปีที่ผ่านมาหัวเว่ยเร่งพัฒนาหนักมากจนหลายอย่างใช้แทนกูเกิ้ลได้แล้ว อย่างแผนที่ในแอป Gallery ก็จะเห็นว่าเป็นแผนที่ของหัวเว่ยแล้ว ก็น่าจับตาว่าถ้าให้เวลาหัวเว่ยลุยกับ HMS อีกพักหนึ่ง เราอาจจะได้เห็นขั้วที่ 3 ในตลาดระบบของมือถือขึ้นมาก็ได้

ราคา

รีวิวที่ดีก็ต้องมีราคา! Huawei P40 Pro นั้นเปิดตัวในไทยด้วยราคา 31,990 บาท ซึ่งถ้าจองก่อนวันที่ 30 เม.ย. ก็จะได้หูฟัง Huawei FreeBuds 3 พร้อม HUAWEI Wireless Car Charger และของสมนาคุณอื่น ๆ มูลค่ารวมกว่า 14,300 บาทเลย แน่นอนว่าถ้าคุณซื้อผูกโปรโมชันกับโอเปอเรเตอร์ ก็จะได้ส่วนลดอีกเป็นหมื่น จับผูกโปรดี ๆ Huawei P40 Pro ก็เหลือแค่ 9,990 บาทเท่านั้นเอง

ซึ่งก็ถือเป็นราคาที่น่าสนใจสำหรับความสามารถกล้องระดับนี้ กับฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบมาสอดคล้องกับการใช้จริง ๆ ครับ จุดสังเกตใหญ่ ๆ ตอนนี้น่าจะเหลือแค่การไม่มี GMS ครับ สำหรับหลายคน มันก็ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงนี้เหมือนกัน

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส