ยุคนี้เราต้องมองหาภาษาที่ 2 ขึ้นไปเพื่ออัปสกิลภาษาของตัวเองเพื่อนำไปใช้ในการทำงานกับชาวต่างชาติครับ คลิปนี้ผมจะมา บอกเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ Education Product ที่ผมไม่เคยรีวิวมาก่อน

ถ้าใครจำได้ ก่อนหน้านี้ผมเคยสัมภาษณ์ Will Smith ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ Gemini Man ก็ถือได้ว่านี่เป็นอีก 1 ความสำเร็จของผมเลยก็ว่าได้ เพราะการสัมภาษณ์นั้น แม้ผมจะได้เตรียมสคริปต์มาอย่างดี แต่ดันไม่ได้ใช้เพราะ Will Smith ดันเดินเข้ามาก่อน กลายเป็นทุกอย่างผมต้องด้นสด ใช้ Gut Feeling และสัญชาติญาณการเอาตัวรอดขั้นสุด จนกลายเป็นคลิปที่คุณผู้ชมได้เห็นกันไปแล้ว

ทุกคนอาจบอกว่า ที่ผมทำเนี่ยมันโอเคแล้ว เพราะภาษามันคือการสื่อสารที่ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจ แต่ประเด็นคือพี่ชายผมนี่สิครับ มาบอกว่าแกรมม่าที่ผมใช้มันแย่มาก! ดูไม่ Profressional เอาซะเลย

พอผมได้ยินขนาดนี้ ก็ทำให้ผมรู้สึกว่า มันก็จริงของพี่ชายผมเหมือนกันนะ เพราะแม้ว่าภาษาของเราจะพูดให้ฝรั่งเข้าใจได้ แต่เมื่อเอาไปใช้บนเวทีใหญ่ ๆ ก็อาจจะดูไม่ดี ฟังไม่ Grand พอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สัญชาติญาณอย่างเดียวไม่สามารถช่วยเหลือได้

ดังนั้นผมจึงต้องแก้ด้วยการศึกษาเพิ่มเติม กับสถาบันภาษาแห่งหนึ่งที่ชื่อ Globish ซึ่งเป็นการเรียนในรูปแบบ Video Call แบบตัวต่อตัว คลิปนี้ผมจะขอเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้ฟังครับว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างที่ผมเรียนมาตั้งแต่วันแรกมาจนถึงปัจจุบันว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างครับ

วัดระดับภาษา

ก่อนเริ่มเรียน Globish จะมีการโทรมาเพื่อทำการวัดระดับภาษาก่อน ซึ่งเขาจะสัมภาษณ์โดยเจ้าของภาษา เพื่อวัดระดับของเราจริง ๆ จากนั้นก็จะประเมินว่าเราอยู่ในระดับไหน มีปัญหาด้านใด และจะต้องเรียนในระดับใดถึงจะเหมาะสมกับเราที่สุด

คลาสต่าง ๆ ของ Globish

การเรียนของ Globish จะเน้นการเรียนกับโค้ชเจ้าของภาษาเป็นหลัก โดยจะเป็นการเรียนด้วยแบบเรียนที่มีการอัปเดตตลอดเวลา และปรับให้เหมาะสมกับคนไทยโดยตรง ซึ่งนอกจากการเรียนแบบตัวต่อตัวกับโค้ชแล้ว เขาก็มีคลาสอื่น ๆ เช่น Discussion Class มาช่วยแก้ปัญหาคนไทยที่ไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษกับคนไทยด้วยกัน ซึ่งจะเป็น Video Call เจอกันหลาย ๆ คน โดยจะมีโค้ชเป็นคนดำเนินรายการ

หรือ Master Class อันนี้จะเป็นการเรียนรวมกันในห้องใหญ่ที่คล้าย ๆ กับ Virtual Classroom ที่มีคนเข้ามาเรียนหลาย ๆ คนผ่านโค้ชผู้สอน ซึ่งเราก็สามารถพูดคุยสอบถามเข้าไปผ่านทางช่องทางแชตได้ อันนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบฟัง ชอบจด แต่ไม่อยากโต้ตอบมากนัก

เลือกโค้ชที่เหมาะกับเราได้ตลอดเวลา

ระบบเขามีการแสดงผลโค้ชคนไหนสอนในช่วงเวลานี้อยู่ และเราก็จะเห็น Personality หรือบุคลิกภาพของโค้ชแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเราก็สามารถตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาคนที่มีความสนใจตรงกับเราได้ ทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ สามารถคุยเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากการเรียนไปด้วยกันได้อีกด้วย

การเรียนครั้งแรกของหนุ่ย พงศ์สุข กับโค้ชฟาฮิม

สิ่งแรกที่หนุ่ย พงศ์สุขชอบอย่างแรกคือ โค้ชฟาฮิมมาตรงเวลาแบบเป๊ะ ๆ ตามที่นัดไว้ ซึ่งการทักทายพูดคุยก็ถือว่าเป็นกันเองมาก ๆ โดยการเรียนครั้งแรกเขาก็ให้เราแนะนำตัวก่อนแบบภาษาอังกฤษ จากนั้นก็เข้าสู่บทเรียนที่ Globish เตรียมไว้ให้ โดยระหว่างเรียน ทางโค้ชฟาฮิมก็จะคอยจดคำที่เราใช้ผิด และคอยพูดแนะนำเรื่อย ๆ อันนี้ผมยอมรับว่าโค้ชเอาใจใส่เราดีมาก ๆ เพราะระหว่างเรียนเนี่ย เขาก็คอยให้กำลังใจ และ Entertain เราตลอด มีการส่งสติกเกอร์ให้เราด้วย

หลังจบคลาส

พอเรียนเสร็จ เราก็สามารถทำการประเมินโค้ชที่เราเรียนด้วยกันได้ และทางโค้ชก็จะประเมินความสามารถของเรากลับมาเช่นกัน ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ตัวเองได้ว่า จะต้องปรับปรุงด้านใดเพื่อให้เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ

Globish Plus

และนอกจากนี้เขายังมีการเรียนในคลาสพิเศษผ่านระบบ Globish Plus ซึ่งผู้ที่สมัครเรียนก็สามารถจองคลาสสำหรับเข้าเรียนได้ทุกวัน วันละ 1 คลาสครับ โดยภายในคลาสก็จะเป็นการเข้าไปเรียนแบบกลุ่มกับเพื่อนร่วมห้องชาวต่างชาติในเรื่องที่เราสนใจครับ

โดย Globish Plus ยังมีระบบ E-Learning ที่เรียกได้ว่าเป็นการปฎิวัติรูปแบบการเรียนไปเลย เพราะเราสามารถเลือกเรื่องราวที่เราสนใจจริง ๆ โดยเป็นเรื่องราวใหม่ ๆ ถูกนำมาแปลงเป็นบทเรียน Interactive ที่ทั้งสนุกและได้ความรู้ไปพร้อมกัน

เรียนเสร็จนำไปใช้ได้ทันที

จากการเรียนกับโค้ชฟาฮิมมาแล้วหลายคลาส ผมก็บอกได้ว่า สิ่งที่เรียนมาผมได้นำมาใช้แทบจะทันทีเลยครับ อย่างล่าสุดงาน Mercedes Benz ที่ผ่านมา ผมก็รู้สึกได้ว่าภาษาของผมในการ สนทนากับ Mr. Roland Folger President and CEO of Mercedes-Benz (Thailand) นั้นผมรู้สึกได้ว่า คลังภาษาของผมใหญ่ขึ้น รวมไปถึงการออกเสียงสำเนียงผมดูดีกว่าเดิมครับ แต่เราก็ยังสามารถพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ ถ้าเราเรียนอย่างต่อเนื่อง

มีระบบ Support ชวนกลับมาเรียนไม่ให้เสียเงินเปล่า

และนอกจากนี้ผมยังชอบที่เขาคอยเอาใจใส่เราในเรื่องการเข้าเรียนครับ ถ้าเราเกิดเผลอติดธุระหลาย ๆ วันหรือเป็นสัปดาห์ โดยไม่ยอมเข้าเรียน ทาง Globish ก็ไม่ได้คิดว่าตรงนี้เป็นเงินกินเปล่านะครับ แต่จะมีทีม Support คอยโทรมาเช็กว่า เกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไรหรือไม่ หรือแม้แต่การปรับคลาสให้ในกรณีที่เรียนแล้วไม่รู้เรื่อง ตามไม่ทัน ทั้งหมดนี่ AI ทำไม่ได้นะเนี่ย เพราะสิ่งนี้คือเรื่องของ Emphathy หรือการเอาใจใส่ผู้เรียนจริง ๆ

Globish Kid คลาสเรียนสำหรับเด็ก

และนอกจากคลาสเรียนภาษาของผู้ใหญ่แล้ว เขายังมี Globish Kid หรือคลาสเรียนภาษาสำหรับเด็กอีกด้วย ซึ่งการเรียนของเด็ก ๆ เหล่านี้จะเป็นการออกแบบโดยเน้นให้เด็ก ๆ เน้นพัฒนาทักษะ การฟังและการพูด โดยเฉพาะ เรียนรู้ผ่านการฝึกโต้ตอบจริงกับคุณครูแบบตัวต่อตัว ไม่ต้องท่องจำ ให้เด็ก ๆ สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ พูดถูกหลักแกรมมาร์ กล้าสื่อสารกับชาวต่างชาติ

โดยมีการใช้ Tools ต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีเช่น สติกเกอร์ หรือกระดานไวต์บอร์ด มาทำให้เด็กสามารถสื่อสารกับคุณครูผู้สอนได้อย่างไม่เคอะเขิน ซึ่ง Globish Kid นี้รับเด็กตั้งแต่อายุ 7 ขวบขึ้นไป เพราะเขาถือว่าเด็กอายุเท่านี้จะมีสมาธิในการเรียนรู้มากกว่า และทำให้ผู้ปกครองคุ้มค่าที่จะส่งเด็กมาเรียนภาษาครับ

สรุปภาพรวม

ก็เรียกได้ว่าทาง Globish ทำการออกแบบคอร์สเรียนมาให้เหมาะกับคนวัยทำงานแบบเรา ๆ อย่างมากเลยล่ะครับ เพราะนอกจากที่เราจะเลือกเวลาเรียนได้อย่างอิสระแล้ว ภาษาและสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้เรียนนั้น สอดคล้องกับชีวิตและการทำงานจริง ๆ ของเรา ซึ่งเรียนแล้วก็นำไปปรับใช้ได้ทันทีเลย และที่สำคัญเขายังมี Globish Plus สำหรับคนที่อยากเสริมความรู้และภาษาของตัวเองให้เก่งยิ่งกว่าเดิมได้อีกทางหนึ่งด้วยครับ

ราคา

คอร์สการเรียนภาษา Globish มาพร้อมกับราคาเริ่มต้นที่ 36,000 บาทต่อ 1 คอร์สสำหรับผู้ใหญ่ และ 32,000 บาทขึ้นไป สำหรับเด็ก โดยจะมีการแบ่งออกเป็น G1 – G6 ซึ่งแต่ละคอร์สจะมีระยะเวลาเรียน 6 เดือนเต็ม และ 4 เดือนสำหรับคอร์สเรียนของเด็ก โดยเราสามารถเลือกทั้งเวลาเรียน คลาสเรียนต่าง ๆ และโค้ชได้อย่างอิสระภายในระยะเวลาเรียนครับ

สำหรับใครที่สนใจสามารถสมัครได้ที่นี่: https://bit.ly/globishxbeartai

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส