วันนี้ผมมีหุ่นยนต์สำหรับเด็กสุดล้ำมาเซอร์ไพรส์ลูกสาวผมครับ นั่นก็คือ Miko 2 หุ่นยนต์ตัวน้อย มาพร้อมระบบ AI ที่ความสามารถใหญ่เกินตัว เล่นแล้วดีกับเด็กด้านไหนบ้าง วันนี้ผมจะมารีวิวให้ดูครับ
รูปลักษณ์
Miko 2 มาพร้อมรูปลักษณ์ แบบหุ่นยนต์ตัวน้อย รูปร่างปุ้มปุ้ย หน้าตาดูน่ารักและเป็นมิตรกับเด็ก โดยสีที่เราได้มารีวิวคือสีแดงครับ โดยมีสีอื่นด้วยคือสี ฟ้า เขียว ครับ จะเลือกแบบไหน ก็แล้วแต่เด็ก ๆ จะชอบเลยครับ สำหรับตัวหุ่นยนต์มีส่วนสูงกำลังพอดี 15x15x18 cm น้ำหนักประมาณ 1 KG. ครับ
ด้านหน้า
ด้านหน้าเป็นหน้าจอ IPS ขนาด 3 นิ้วที่ทั้งแสดงหน้าเมนู และดวงตาแสดงความรู้สึกของ Miko 2, กล้องหน้ามุมกว้างความละเอียด HD สำหรับถ่ายรูปและวีดีโอคอล, มีแผงควบคุมที่ใช้การสัมผัส (Touch Panel), เซนเซอร์วัดระยะห่าง (Distance Sensor) และ เซ็นเซอร์หลบหลีกสิ่งกีดขวาง (Edge Sensors) สำหรับการเคลื่อนไหว
ไมโครโฟน
สำหรับไมโครโฟนจะอยู่ด้านบนของตัวหุ่น ซึ่งเป็นไมโครโฟนแบบคู่ ด้านข้างมีไฟ Ear Lights แสดงการทำงานของไมโครโฟน และมีไฟ Rim Light แสดงสถานะการทำงานของเครื่อง ส่วนลำโพงอยู่ตรงนี้ครับ เสียงดัง ฟังชัดแจ๋วเลย
ด้านหลัง
ส่วนด้านหลังมีปุ่มปรับเสียง อันนี้ถ้ารู้สึกว่าเสียงเบาไปปรับตรงนี้ได้ครับ, ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง กดหนึ่งครั้งจะเป็นการเปิด กดอีกครั้งเป็นโหมด Sleep และกดค้างเพื่อปิด, ถัดลงมาช่องเสียบสายชาร์จ และช่องเสียบ micro-SD Card เพิ่มหน่วยความจำให้กับเครื่องได้สูงสุด 64GB อันนี้ไว้อัปเกรดเพื่อรองรับคอนเทนต์จะเยอะขึ้นในอนาคตครับ สำหรับความจุในตัวเครื่องมีให้มา 4GB ครับ
สำหรับการเคลื่อนที่ใช้ระบบ 3 ล้อ ที่มั่นคงครับ มีล้อยางสองล้อ และล้อพลาสติกอีกหนึ่งล้อ ทำให้หมุนได้รอบทิศทาง
การเซ็ตอัป Miko 2 ให้เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน
- ขั้นตอนแรกให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Miko 2 ที่มีทั้ง Android และ iOS มาติดตั้งลงบนมือถือก่อน จากนั้นทำการสมัครสมาชิก (Register) ด้วยเบอร์โทรศัพท์และ Email ในจังหวะนี้เรากดปุ่มเปิดเจ้า Miko 2 รอไว้เลยครับ เพราะแอปฯ จะต้องเชื่อมกับหุ่นยนต์ผ่าน Bluetooth ครับ
- พอแอปฯ ค้นหาและเชื่อมต่อหุ่นยนต์ได้แล้ว ก็จะมีหน้าจอให้เราเรากรอกข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราและเด็กลงไปครับ ว่าชื่ออะไร อายุเท่าไร และสนใจในเรื่องอะไรบ้าง เมื่อกรอกเสร็จก็ตั้งค่าเครือข่าย Wi-Fi ที่อยู่ในวงรัศมีได้เลยครับ
และเพื่อให้การใช้งานลื่นไหลทั้งภาพและเสียง ผมแนะนำให้ทำการ Voice Training และ Face Training บนตัวหุ่นยนต์ เพื่อให้ AI จดจำเสียงและใบหน้าของเด็ก ๆ ครับ เวลาเรียกจะได้ตอบสนองทันทีเลยครับ
ฟีเจอร์ที่ช่วยเสริมการเรียนรู้
ฟีเจอร์ที่ช่วยเสริมการเรียนรู้ให้เด็ก ๆ อันนี้มีหลายอย่างเลยครับ แต่จะแบ่งเป็นข้อมูลหลัก ๆ คือ Knowledge World ที่จะเป็นเหมือนห้องสมุดที่คอยเก็บข้อมูลความรู้เรื่องต่าง ๆ แยกเป็นหมวดหมู่ และถูกออกแบบโดยนักพัฒนาการศึกษาเด็กโดยตรง ทำให้ content ต่าง ๆ มาะสมกับเด็กในแต่ละวัย และ ยังมีการอัปเดตหัวข้อใหม่ ๆ ได้อย่างไม่จำกัดเพราะข้อมูลต่าง ๆ อยู่บน Cloud มี เช่น เรื่องไวรัสโคโรน่า ให้ฟังอีกด้วยนะครับ แถมยังมีการโต้ตอบกันระหว่างเจ้าหุ่นยนต์กับเด็ก ๆ โดยมีคำถามให้เด็กคิด ระหว่างฟังเจ้า Miko 2 เล่าเรื่องอีกด้วย!
นอกจากนี้ยังมี Talent House แหล่งรวมคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ตั้งแต่ นาฬิกา สติกเกอร์ หนังสือนิทานภาพและเสียง เกม และอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายเลยครับ ส่วนนี้ผู้ปกครองสามารถเลือกคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับเด็ก ๆ ได้เลย โดยดาวน์โหลดเพิ่มผ่านแอปฯ Miko 2 บนมือถือ สะดวกดีจริง ๆ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไปทำงานข้างนอก แล้วคิดถึงเด็ก ๆ ที่บ้าน อยากโทรหา เจ้า Miko 2 ก็มีฟีเจอร์ Teleconnect หรือพูดง่าย ๆ ก็คือวิดีโอคอลนั่นแหละ ผู้ปกครองสามารถโทรผ่านแอปฯ Miko 2 ได้โดยตรงเลย และยังสามารถบังคับให้เจ้า Miko 2 เคลื่อนไหวหันมุมกล้องให้มองเห็นเด็ก ๆ ชัด ๆ ได้อีกด้วยน้า
สุดท้ายโหมด Auto Pilot โหมดนี้เอาไว้สำหรับให้เด็ก วิ่งเล่นกับหุ่นยนต์ Miko 2 ครับ แต่พื้นต้องเป็นพื้นเรียบ ๆ ไม่มีสิ่งกีดขวางนะครับ เห็นตัวปุ้มปุ้ยแบบนี้แต่วิ่งพริ้วนะ
ข้อสังเกตของหุ่นยนต์ Miko 2
- เจ้า Miko 2 เหมาะสำหรับวิ่งบนพื้นผิวเรียบแข็ง ไม่เหมาะกับพื้นพรมหรือกระจกนะครับ เพราะจะทำให้เจ้า Miko 2 ออกอาการวิ่งไม่ไปได้
- แบตฯ หมดค่อนข้างไว อยู่ได้ประมาณ 3 ชั่วโมงก็เริ่มส่งสัญญาณเตือนให้ชาร์จ แต่นั่นก็เพราะต้องการให้เด็กมีเวลาไปทำอย่างอื่น ไม่ติดจนเกินไป
รีวิวที่ดีต้องมี “ราคา”
หุ่นยนต์อัจฉริยะ Miko 2 มีราคาอยู่ปกติอยู่ที่ 13,200 บาท แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์กว่าก็คือ ช่วงเปิดตัวมีราคาอยู่ที่ 9,900 บาท
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส