เมื่อคืนที่ผ่านมา 16 กันยายน 2563 แอปเปิ้ลได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เลยจะมาสรุปให้ฟังกันว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาแอปเปิ้ลได้เปิดตัวอะไรบ้าง ?
Apple Watch Series 6
- มีสีน้ำเงิน, ทอง, เทา, แดง และเงิน ทำให้เป็น Apple Watch ที่มีสีมากที่สุด
- พร้อมตัวเรือนให้เลือก 3 แบบคือ อลูมิเนียม, สแตนเลสสตีล และไทเทเนียม
- สามารถวัด Blood Oxygen ได้จากข้อมือเลย โดยใช้แสงอินฟราเรด วัด 15 วินาทีซึ่งค่า SpO2 นี้ จะบอกว่าปอดเรามีประสิทธิภาพแค่ไหน ซึ่ง Apple มีการรวมมือกับ 3 สถาบันเพื่อทำการวิจัยโดยใช้ Blood Oxygen
- ใช้ชิป S6 dual-core อิงจาก A13 เร็วขึ้น 20% ทำให้มีจอ Always-on ที่ดีขึ้น เพราะชิปกินไฟน้อยลง สามารถบอกระดับความสูงที่เปลี่ยนไปได้ตลอด เอาไว้ใช้เวลาปีนเขา
- watch face ใหม่เพียบ เช่น GMT face, count-up face, chronogrph face, typography face เด่นคือ Memoji face ที่เอาของตัวเองมาเล่นได้
- มี watch face สำหรับเซิร์ฟ, สำหรับช่างภาพ เพื่อดูระดับดวงอาทิตย์ได้
- สายใหม่ Solo loop – ไม่มีข้อต่อ ไม่ต้องล็อกสาย เป็นเส้นเดียว ๆ เลย มีทั้งแบบซิลิโคนและแบบถัก
- สาย Hermes ใหม่ก็มา
- ราคาเริ่มต้น 13,400 บาท
Apple Watch SE
- มีเซนเซอร์ส่วนใหญ่เหมือน Series 6 แต่ไม่มี Blood Oxygen และ ECG (ซึ่ง ECG ก็ยังใช้ในไทยไม่ได้อยู่ดี)
- หน้าจอไม่ใช่ Always-on เหมือน Series 6
- แต่หน้าจอมีขนาดเท่า Series 6
- ราคาเริ่มต้น 9,400 บาท
- ทั้ง 2 รุ่นเริ่มขายวันศุกร์นี้ ก็ต้องรอดูในไทยว่าจะขายวันศุกร์นี้ด้วยไหม
- ความสามารถเด่นของ Apple Watch ทั้ง 2 รุ่นใหม่คือ Family Setup
- ที่ทำให้ Apple Watch สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมี iPhone เชื่อมต่อกับเครือข่ายมือถือได้เลย (ในไทยรองรับทุกค่าย)
- ผู้ปกครองสามารถระบุคนที่จะติดต่อกับเด็ก ๆ ได้ บอกตำแหน่งของเด็กได้ มี School Time Mode จะไม่กวนเด็ก และอื่นๆ
- และแน่นอนว่าทั้ง 2 รุ่นใช้ WatchOS 7 ที่รองรับการแทร็กเวลานอน และความสามารถใหม่ ๆ
Fitness+
- บริการใหม่เหมือนแอโรบิกที่บ้าน เน้น Workout, Trainer, time, Music
- เลือกวิดีโอออกกำลังกายที่ต้องการ เพื่อออกจอในระบบแอปเปิ้ล เช่นออกทีวีผ่าน Apple TV แล้วสถิติจาก Apple Watch บนจอก็จะไปขึ้น
- รองรับ yoga, dance, core, hit, rowing, mindful และอื่นๆ รวม 10 แบบ พร้อมเลือกอุปกรณ์เสริม เช่นดัมเบลระหว่างออกกำลังได้
- จะมีวิดีโอการออกกำลังกายใหม่ๆ ออกมาทุกสัปดาห์
- ซึ่งสามารถเลือกแนวเพลงที่ชอบได้ระหว่างออกกำลังกาย
- การแนะนำต่างๆ โดย Apple Watch จะทำงานโดย AI ในเครื่อง ไม่ส่งไปคิดข้างนอก
- ราคา $9.99 ต่อเดือน $79.99 ต่อปี ถ้าซื้อ Apple Watch ใหม่ใช้ฟรี 3 เดือน
- ยังไม่มีในบริการในไทยตอนนี้
iPad Air 4
- iPad Air ออกแบบใหม่หมด ใช้ดีไซน์ของ iPad Pro ใช้ Pencil 2 แบบแปะข้างเครื่องด้วย
- ไม่มีปุ่มโฮม แต่ก็ไม่มี Face ID ใช้ Touch ID ที่ปุ่มล็อกแทน
- มี 5 สี ทอง, เขียว, ฟ้า, เงิน, เทา
- ใช้จอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว 2360 x 1640 px แต่ไม่มีจอนุ่ม ProMotion เหมือน iPad Pro
- ใช้ชิป A14 เป็นครั้งแรก ตัดหน้า iPhone ใช้เทคโนโลยีการผลิต 5 nm เป็นตัวแรก มีทรานซิสเตอร์ 11.8 พันล้านตัว
- CPU 6 แกน ตัว CPU เร็วขึ้น 40% และ GPU เร็วขึ้น 30% เมื่อเทียบกับ A13 มี Neural Engine 16 แกน ทำงาน 11 trilion ต่อวินาที ทำให้ ML เร็วกว่า Air รุ่นเดิม 10 เท่า
- โดยวมแล้วเร็วกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไปเยอะ
- เช่นแอป djay สามารถตรวจจับมือด้วยกล้องเพื่อสั่งงานได้
- ใช้ USB-C ความเร็ว 5 GB/s ซึ่งเร็วกว่า lightning เดิม 10 เท่า
- กล้องหน้า 7 mp f2.2
- กล้องหลัง 12 mp f/1.8 4K 60 fps พร้อมกันสั่นอย่างดี
- ลำโพงสเตอริโอ 2 ตัวบนล่าง (เทียบกับ iPad Pro ลำโพง 4 ตัว)
- ใช้กับ Magic keyboard ได้ด้วย
- ชาร์จ 20 W
- เริ่มต้น 19,900 บาท สำหรับรุ่น 64 GB และ 24,900 บาทสำหรับรุ่น 256 GB
iPad Gen 8
- หน้าตาเหมือนเดิม ใช้ lightning เหมือนเดิม จอ 10.2 นิ้ว เหมือนเดิม
- ใช้ชิป A12 ซึ่ง CPU เร็วขึ้น 40% ส่วน GPU เร็วขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับ iPad Gen 7 ซึ่งก็เร็วกว่าโน้ตบุ๊กวินโดวส์ 2 เท่าแล้ว
- ใช้งานกับ Smart Keyboard และคีย์บอร์ดจาก Logitech ที่มี trackpad ได้ แต่ใช้กับเคส Magic Keyboard ไม่ได้
- iPadOS 14 จะเข้าใจสิ่งที่เขียนทันที และสามารถก็อปข้อความที่เขียนไปวางที่อื่นๆ
- ราคาเริ่มต้น 10,900 บาทสำหรับรุ่น 32 GB และ 13,900 บาทสำหรับรุ่น 128 GB
บริการ Apple One
- Apple One รวมทุกบริการของแอปเปิ้ลในราคาเดียว
- ซึ่งเมืองนอกจะมีโปรอีกระดับที่เรียกว่า Premier จะได้ Apple News+ และ Fitness+ ด้วย แต่เมืองไทยยังไม่เปิดให้บริการ
- สมัครได้ในปีนี้
- นอกจากนี้ Apple ยังเน้นว่าปี 2030 บริษัทจะเป็น 100% netural carbon Goal คือพยายามใช้ของรีไซเคิล สร้างขยะ สร้างมลภาวะให้น้อยที่สุด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส